บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.62) อนุมัติการออกและการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2562 โดยจัดสรรไม่เกิน 222.25 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นละ 4.09 บาท ให้กับ International Finance Corporation (IFC) ส่งผลให้ IFC เข้ามาถือหุ้นในบริษัท 6.42% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งไม่ทำให้ IFC กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทแต่อย่างใด
สำหรับ IFC เป็นนักลงทุนประเภทนักลงทุนสถาบันเป็นบริษัทในกลุ่มของ World Bank ที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง และมีศักยภาพในการลงทุนได้จริง รวมทั้งมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์หรือศักยภาพในการที่เป็นประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลของ IFC และมีความเห็น IFC เป็นผู้ลงทุนที่มีศักยภาพ และสามารถลงทุนในบริษัทได้จริง และไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
PRINC กำหนดระยะเวลาจองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2562
การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2562 ที่อนุมัติการเพิ่มทุนและการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 324.01 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นจำนวนไม่เกิน 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด
นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร ของ PRINC เปิดเผยว่า IFC ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพ และไว้ใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนด้วยเม็ดเงินสูงถึง 909 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 7% ของเงินลงทุนทั้งหมดภายใต้หุ้นของบริษัท เพื่อร่วมกันขยายจำนวนโรงพยาบาลในประเทศไทยภายใต้การบริหารงานของ พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์
ปัจจุบัน PRINC มีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่เปิดให้บริการแล้ว 8 แห่ง ใน 7 จังหวัด และกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งที่ 9 ที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจะพร้อมเปิดให้ดำเนินการภายในต้นปี 64 โดยบริษัทมีเป้าหมายขยายโรงพยาบาลในเครือข่ายเพิ่มขึ้นเป็น 10 แห่งภายในปีนี้ และ 20 แห่งภายในปี 66 ซึ่งความพร้อมของ PRINC ทั้งประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่มีมากกว่า 40 ปี การใช้เทคโนโลยีในการบริหารงานและด้านการแพทย์ที่ทันสมัย อีกทั้งระบบการบริหารจัดการแบบ Shared Services ในด้านการเงิน บัญชี ทรัพยากรบุคคล จัดซื้อ และไอที จะทำให้ทุกโรงพยาบาลในเครือข่ายสามารถให้บริการด้วยมาตรฐานเดียวกัน และมีประสิทธิภาพสูงสุด
"IFC ได้เข้ามาศึกษาถึงนโยบายการขยายโรงพยาบาลของ PRINC และพบว่ามีแนวนโยบายที่ตรงกัน คือการขยายโรงพยาบาลในต่างจังหวัดที่การแพทย์ยังไม่เพียงพอต่อการรองรับความต้องการของคนในพื้นที่ จึงตัดสินใจร่วมลงทุนกับทาง PRINC ด้วยการเพิ่มทุนประมาณ 7% ของเงินลงทุนทั้งหมดภายใต้หุ้นของ PRINC เป็นเม็ดเงินใหม่ที่เพิ่มเข้ามา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 909 ล้านบาท ทำให้เงินทุนของ PRINC เพิ่มขึ้นเป็น 3,462,336,820 ล้านบาท"นายสาธิต กล่าว
ด้านนายวิครัม คูมาร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและพม่า IFC เปิดเผยว่า หลังจาก IFC ได้ศึกษาถึงการเพิ่มศักยภาพด้านการแพทย์ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ก็ได้เห็นถึงแนวนโยบายการดำเนินงานของ PRINC ที่มีการขยายโรงพยาบาลไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะจังหวัดรองที่การแพทย์ยังเข้าไปได้ไม่ทั่วถึง เพื่อให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปด้วยราคาที่เหมาะสม ซึ่งแนวคิดนี้ตรงกับความต้องการของทาง IFC จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับ PRINC เพื่อร่วมกันสานต่อนโยบายดังกล่าวให้บรรลุเป้าหมายต่อไป
"การลงทุนของ IFC ในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนด้านเฮลท์แคร์ครั้งแรกในประเทศไทยในรอบกว่า 10 ปี หลังจาก IFC ชะลอการลงทุนมาเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ การเข้าร่วมลงทุนใน PRINC นอกจากเงินลงทุนแล้ว IFC จะยังเข้ามาช่วยส่งเสริมให้ทาง PRINC มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการเงิน การบริหารจัดการ รวมถึงด้านธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน อีกทั้งเชื่อมั่นว่ามูลค่าหุ้น PRINC ในตลาดหลักทรัพย์ไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากนี้ไป"นายคูมาร์ กล่าว