SFLEX ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภคตามคำสั่งซื้อรวมถึงมีการวิจัยพัฒนาสูตรฟิล์มเพื่อเพิ่มทางเลือกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายโดยมีลูกค้าหลักของบริษัทฯ ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เช่น บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคต่อสินค้าบริโภค อยู่ที่ร้อยละ 85:15
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 SFLEX มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรกจำนวน 110 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.88 บาท บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 410 ล้านบาท มีมูลค่าระดมทุนรวม 426.8 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,590 ล้านบาท โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร SFLEX เปิดเผยว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ SFLEX จะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ Flexible Packaging โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะลงทุนในโครงการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูปสำหรับใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนลงทุนสร้างคลังสินค้า ทดแทนการเช่าคลังสินค้าในปัจจุบัน ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินรวมทั้งนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
หลัง IPO SFLEX มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกได้แก่ 1) นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ถือหุ้น 49.76% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2) นายเอก พิจารณ์จิตร 10.98% และ 3) นางสาวกชกร วณิชานุวัตร 6.59%
SFLEX มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและที่ SFLEX กำหนดไว้ในแต่ละปี ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับ ผลประกอบการ ฐานะการเงินสภาพคล่อง ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการบริหารกิจการ และแผนการลงทุนและการขยายกิจการรวมถึงภาวะเศรษฐกิจ