ธนาคารทหารไทย (TMB) แจ้งว่า บมจ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต (เอฟดับบลิวดี) ซึ่งเป็นคู่สัญญาแบงก์แอสชัวรันส์ปัจจุบันของธนาคาร และบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (พรูเด็นเชียล) ซึ่งเป็นคู่สัญญาแบงก์แอสชัวรันส์ปัจจุบันของธนาคารธนชาต (TBANK) ได้เจรจาและบรรลุข้อตกลงร่วมกัน โดยพรูเด็นเชียลได้ตกลงเข้าซื้อสิทธิการเสนอขายกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร ต่อจากเอฟดับบลิวดี และได้ปรับปรุงแก้ไขสัญญาแบงก์แอสชัวรันส์ระหว่างธนาคาร และเอฟดับบลิวดี เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานตามความร่วมมือใหม่
ภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน มีข้อสรุปสำคัญ ดังนี้ 1. พรูเด็นเชียล จะเป็นผู้เสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านเครือข่ายของธนาคารธนาคารธนชาต และธนาคารภายหลังการโอนกิจการทั้งหมด แต่เพียงรายเดียว (Exclusivity) เป็นระยะเวลาขั้นต้น 15 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
2. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของทั้งสองธนาคาร ในช่วงระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงาน (Transition Period) ในปี 2563 นี้ ธนาคารจะยังคงขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ เอฟดับบลิวดี ต่อไปจนถึงสิ้นปี และจะสามารถเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ พรูเด็นเชียล ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารได้ด้วยเช่นกัน โดยระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน -31 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้ ธนาคารธนชาตจะยังคงขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของ พรูเด็นเชียล แต่เพียงรายเดียวต่อไปเช่นเดิม
ทั้งนี้ ธนาคาร และธนาคารธนชาตต่างก็จะยังคงดูแลลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ของ ทั้งเอฟดับบลิวดี และพรูเด็นเชียล เช่นเดิม ด้วยเงื่อนไขและข้อตกลงตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ภายใต้ความร่วมมือใหม่นี้ ธนาคาร และ พรูเด็นเชียล ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจประกันชีวิต มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ร่วมกัน เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ดีที่สุดในตลาด และช่วยให้คุณภาพชีวิตทางการเงินของลูกค้าดีขึ้น
สำหรับผลจากการปรับปรุงแก้ไขสัญญา ต่อการบันทึกบัญชีของธนาคาร มีดังนี้
1. ในการบันทึกราคาซื้อหุ้นของธนาคารธนชาตด้วยวิธีปันส่วนราคาซื้อ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตีมูลค่ายุติธรรมของรายได้รอตัดบัญชี (Deferred Revenue) ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาแบงก์แอสชัวรันส์ระหว่างธนาคารธนชาตกับพรูเด็นเชียลนั้น ภายหลังการปรับปรุงแก้ไขสัญญา ธนาคาร ดำเนินการประเมินมูลค่ายุติธรรมออกมาได้เท่ากับมูลค่าตามบัญชี ที่แสดงบนงบการเงินของธนาคารธนชาต ณ วันที่ธนาคาร เข้าซื้อหุ้นของธนาคารธนชาต
2. ธนาคารจะรับรู้รายได้จากธุรกรรมที่พรูเด็นเชียลเข้าซื้อสิทธิตามสัญญาแบงก์แอสชัวรันส์ระหว่างธนาคาร และ เอฟดับบลิวดี เป็นจำนวน 1.3 พันล้านบาท ในปี 2563 และจะทยอยรับรู้รายได้จำนวนประมาณ 20.8 พันล้านบาท ตลอดอายุสัญญาขั้นต้นและช่วง Transition Period (15 ปี 9 เดือน) เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2563
ทั้งนี้ ธนาคารจะหยุดการทยอยรับรู้รายได้ที่เคยได้รับจาก เอฟดับบลิวดี ตามสัญญาแบงก์แอสชัวรันส์เดิม เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 โดยการเข้าทำข้อตกลงโดยคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้ที่ธนาคาร รับรู้จาก เอฟดับบลิวดี ไปแล้วจำนวน 4.4 พันล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึง 31 มีนาคม 2563)
สำหรับข้อตกลงการต่อขยายความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Exclusive Partnership) จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยการจัดการดำเนินการในครั้งนี้คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 24.5 พันล้านบาท หรือประมาณ 754 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะแบ่งชำระเป็น 2 งวด ชำระงวดแรกเป็นจำนวนเงิน 12 พันล้านบาท ในเดือนเมษายน 2563 และส่วนที่เหลือ ชำระในวันที่ 1 มกราคม 2564
เงินทุนที่ใช้ในการทำธุรกรรมนี้มาจากแหล่งเงินทุนที่มีอยู่เดิมของพรูเด็นเชียล เอเชีย รวมกับแหล่งเงินทุนของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรวมไปถึงสินเชื่อจากแหล่งเงินทุนใหม่ด้วย และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มบริษัท ซึ่งจำนวนเงินที่กล่าวถึงข้างต้นจะได้รับการบันทึกเป็นสินทรัพย์ประเภทจับต้องไม่ได้ ในส่วนของสิทธิการจัดจำหน่าย
ข้อตกลงใหม่นี้ จะช่วยต่อยอดและขยายความร่วมมืออย่างมีนัยสำคัญของการเป็นพันธมิตรกับธนาคารธนชาต สู่ TMB ซึ่งภายหลังการรวมกิจการธนาคารทั้ง 2 แห่งเข้าด้วยกัน จะมีสถานะเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 6 ในด้านเงินฝาก และธนาคารที่ใหญ่ที่สุด อันดับที่ 4 ในด้านสาขาธนาคาร
ทั้งนี้ ประเทศไทยนับเป็นตลาดประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง และตลาดกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีศักยภาพในการเติบโตสูง การร่วมมือเป็นพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ในครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้พรูเด็นเชียลจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกของตลาดกองทุนรวมในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์กับ TMB ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านการเป็นพันธมิตรธุรกิจกิจการร่วมค้าด้านการบริหารจัดการกองทุนรวม
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ครองส่วนแบ่งการตลาด 122% ในตลาดธุรกิจกองทุนรวมในประเทศไทย ทั้งนี้การเป็นพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ร่วมกัน ส่งผลให้ทั้ง สององค์กรมีแพลตฟอร์มที่เปี่ยมคุณภาพระดับแนวหน้า พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพ และความมั่งคั่งแก่ลูกค้าทีเอ็มบีจำนวน 9 ล้านราย หรือคิดเป็น 17% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของประเทศ
นายนิค นิแคนดรู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านแบงก์แอสชัวรันส์ระยะยาวกับ TMB จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และต่อยอดธุรกิจกองทุนรวมของบริษัทในประเทศไทย โดยการจับมือกันในครั้งนี้จะเป็นการนำเอาความเข้าใจและการเข้าถึงลูกค้าในประเทศไทยของ TMB ผนวกเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านประกันชีวิต สุขภาพ และการออมของพรูเด็นเชียล เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งเรื่องของการให้ความคุ้มครองครอบครัว และการสะสมความมั่งคั่งได้ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เติบโตและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB กล่าวว่า ธนาคารมุ่งหวังที่จะยกระดับธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ร่วมกันกับพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในรูปแบบใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ โดยหัวใจสำคัญของการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ คือ การมีเป้าหมายเดียวกันในการที่จะสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตลูกค้า ด้วยการเข้าใจความต้องการที่แท้จริงและยกระดับชีวิตทางการเงินของลูกค้าให้ดีขึ้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ