GLOBAL แก้เกมสู้โควิดพลิกแผนรับ "New Normal"จับตารัฐผ่อน Lockdown ก่อนทบทวนเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 28, 2020 07:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในไทย บริษัทได้ทยอยปิดสาขาชั่วคราว "Global House" ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบันปิดสาขาชั่วคราวไปแล้ว 37 สาขา แต่ยังเปิดให้บริการในบางจังหวัดจำนวน 30 สาขา

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีแผนจะการเลิกจ้างพนักงาน โดยบางส่วนให้กักตัวทำงานอยู่ที่บ้าน และบางส่วนยังให้บริการตามสาขา แต่ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นบริหารจัดการสต็อกสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก เพราะต้องการลดความเสี่ยงท่ามกลางการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ตามสาขาที่กำหนดและบริษัทมีบริการจัดส่งสินค้าไปตามที่อยู่ของลูกค้าเช่นกัน

"เราได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์มาได้เกือบ 2 ปีทุกสาขามีบริการจัดส่งสินค้าผ่าน scg express หมดแล้ว ส่งผลให้ยอดขายผ่านออนไลน์เติบโตขึ้นมาหลายเท่าตัวหลังจากช่วงเกิดวิกฤติโควิดในไทย ตัวเลขเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสินค้าวัสดุก่อสร้างเป็นสินค้าที่มีความจำเป็น ยิ่งในช่วงคนกลับไปอยู่บ้านความต้องการซ่อมแซมบ้านก็เพิ่มขึ้น เชื่อว่าหลังจากโควิดคลี่คลายแล้วเป็นส่วนช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับบริษัทได้อีกจำนวนมาก"นายวิทูร กล่าว

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการใหม่ จากเดิมที่เคยตั้งเป้าหมายตั้งแต่ต้นปีว่าจะเติบโต 10% โดยต้องรอความชัดเจนหลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการ Lockdown อีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากยอมรับว่าในไตรมาส 1/63 บริษัทได้รับผลกระทบไปเกือบ 1 เดือน ขณะที่ไตรมาส 2/63 เดือน เม.ย.ได้รับผลกระทบทั้งเดือนจากการปิดสาขาชั่วคราวทั้ง 37 สาขา แม้ว่าบริษัทประเมินผลกระทบไว้ในหลายกรณี แต่เบื้องต้นหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายภายในไตรมาส 2/63 อาจจะกระทบยอดขายในไตรมาสนี้ลดลงประมาณ 30-40% แต่กรณีหากเปิดสาขาได้เพิ่มขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการผลกระทบกับยอดขายจะน้อยกว่าที่ประเมินไว้ดังกล่าว

นายวิทูร กล่าวต่อว่า แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะไม่ได้ดีเหมือนกับในอดีต แต่บริษัทยังคงงบประมาณของแผนขยายสาขาใหม่ในปีนี้ไว้ตามเดิมจำนวน 7-8 สาขา บางสาขาอาจจะต้องชะลองานก่อสร้างไปบ้าง เพราะติดปัญหาเคลื่อนย้ายภายในไซด์ก่อสร้างช่วงรัฐบาลใช้มาตรการเคอร์ฟิว นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับเรื่องสภาพคล่องหมุนเวียน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินได้ตามปกติ ที่ผ่านมาทบทวนแผนตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไปทั้งหมด

ทั้งนี้ เมื่อภายหลังจากวิกฤติโควิด-19 ได้คลี่คลายไปแล้ว เบื้องต้นประเมินว่าความต้องการในตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างอาจไม่ได้กลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วและเติบโตได้เหมือนกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 เพราะโครงการก่อสร้างหลายแห่งของรัฐบาล ได้ถูกเรียกงบประมาณคืนไปแล้วบางส่วน เพื่อนำมาเยียวยาผลกระทบวิกฤติโควิด-19 ขณะเดียวกันกลุ่มผู้บริโภคและเอกชนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มผู้บริโภคในประเทศส่วนใหญ่ขาดรายได้อย่างน้อย 3 เดือน

"แม้ว่าจะเริ่มต้นกันใหม่ แต่คิดว่ากำลังซื้อคงไม่ได้กลับมาฟื้นรวดเร็วอย่างที่คิด เพราะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบหนัก ท่องเที่ยวคงยังไม่ฟื้นตัว แต่ถ้ามีวัคซีนน่าจะเป็นตัวปลดล็อกความเชื่อมั่นให้กลับมาได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนไปมองวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 ช่วงนั้นส่วนใหญ่เป็นคนระดับบนและระบบสถาบันการเงินที่โดนกระทบเท่านั้น แต่วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้โดนกระทบกันทั่วโลกและกระเทือนไปถึงระดับรากหญ้าจำนวนมาก" นายวิทูร กล่าว

https://youtu.be/bODVX5JpseE


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ