บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น (MAX) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) อนุมัติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 มิ.ย.63 เข้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการบริการในแนวชายฝั่งภาคตะวันออกที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายตัวเพื่อรองรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC)
บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญใน 2 บริษัทใน จ.ระยอง คือ 1.บริษัท เดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท จำกัด ในสัดส่วน 100% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเดิม ราคารวม 838,110,000 บาท และบริษัท อริยา เอสเตท จำกัด ในสัดส่วน 100% ในราคา 200,000,000 บาท รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสองรายการเท่ากับ 1,038,110,000.00 บาท
เดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท ประกอบกิจการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินรวมทั้งหมด 11 แปลง พื้นที่รวมทั้งสิ้น 27 ไร่ 2 งาน 55 ตารางวา ซึ่งติดกับถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมต่อไปยังพื้นที่โครงการ EEC ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาคือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยที่ดินตั้งอยู่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาภายในรัศมี 5 กิโลเมตร ในอนาคตเมื่อโครงการ EEC มีการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีทางเข้า-ออกใหม่เพิ่มอีกทางซึ่งจะใกล้กับที่ดินนี้ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินว่างเปล่าที่ใกล้กับพื้นที่โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภามากที่สุด จากการสำรวจและศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้วบริษัทเล็งเห็นว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงเหมาะแก่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยมีแผนพัฒนาเป็น Luxury Airport Hotel สำหรับเฟสแรกเพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจ หรือเป็นผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และรองรับกับการขยายตัวของเศรษฐกิจตลอดจนภาคอุตสาหกรรมในท้องที่ จากความก้าวหน้าของโครงการ EEC
ส่วนอริยา เอสเตท ประกอบกิจการโรงแรม Wisdom Hotel ในอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ปัจุบันมี Average Daily Rate สำหรับห้องพักทุกประเภทเฉลี่ยประมาณ 1,600 บาท และมีอัตราผู้เข้าพัก (Occupancy Rate) ประมาณ 67-80% ซึ่งถือเป็นอัตราที่น่าพอใจสำหรับโรงแรมโดยทั่วไป
บริษัทมีแผนที่พัฒนา Wisdom Hotel โดยจะนำแบรนด์โรงแรม (Chained Hotel Brand) ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับเข้ามาบริหารจัดการภายใน 3 ปี เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการและเสริมให้โรงแรมมีฐานลูกค้ามากขึ้น โดยนำหลักประกันมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000,000 บาทมาค้ำประกันให้แก่บริษัทไว้ด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นว่าบริษัทการแสวงหาธุรกิจใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนให้กับบริษัทเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้น การเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัททั้งสองจะเป็นการขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจไปยังธุรกิจการบริการและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มโอกาสที่จะสร้างรายได้และผลกำไรในรูปของเงินปันผลได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ในการลงทุนและสร้างรายได้ให้บริษัท นอกเหนือไปจากรายได้จากการบริการสนามกอล์ฟและการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม
ฉะนั้น การเข้าซื้อหุ้นสามัญในเดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท และอริยา เอสเตทจะส่งเสริมให้บริษัทมีศักยภาพ สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติการลดทุนจดทะเบียน โดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 85,819,591,869 บาท จากเดิมที่ 29,850,292,824 บาท โดยออกหุ้นใหม่ 55,969,299,045 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 8 หุ้นเดิมต่อ 15 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.01 บาท กำหนดวันจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น ระหว่างวันที่ 17-31 กรกฎาคม 2563
วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนเพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจการบริการและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการเข้าซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประเภทโรงแรมและที่ดินเปล่าเพื่อรอการพัฒนาเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจจากธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน และเพื่อช่วยส่งเสริมให้บริษัทมีศักยภาพในการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
บริษัทมีแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัท ที่จะเน้นการลงทุนไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการบริการอันเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ในแนวชายฝั่งตะวันออกซึ่ง ณ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการขยายตัวเพื่อรองรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC ซึ่งเมื่อโครงการ EEC เดินหน้า เชื่อว่ามูลค่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มมากนี้ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม