นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 มีรายได้รวมอยู่ที่ 886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากไตรมาส 1/62 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย, ภาษี, ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวมอยู่ที่ 825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 82 ล้านบาท หรือ 16.7% สาเหตุหลักมาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนที่ 325 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 38 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานยังคงเติบโตต่อเนื่องและมีผลการดำเนินงานที่ดี มีการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากการเข้าซื้อและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในหลายโครงการ ได้แก่ โครงการ "ลมลิกอร์" เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ในเดือน เม.ย.62 , โครงการ "Nam San 3A" เข้าซื้อในเดือน ก.ย.62 , โครงการโซลาร์ลอยน้ำ และติดตั้งบนพื้นดิน ภาคเอกชน "บางปะอิน" เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ในเดือน พ.ย.62 และโครงการ "Nam San 3B" เข้าซื้อในเดือน ก.พ.63
ณ วันที่ 31 มี.ค.63 บริษัทมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 42,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 62 จำนวน 5,354 ล้านบาท หรือ 14.4% สาเหตุหลักมาจากการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ "Nam San 3B" ที่ สปป.ลาว ในปลายเดือน ก.พ.63
"ผลงานไตรมาสแรกถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีสำหรับบีซีพีจี สำหรับในไตรมาส 2 บริษัทยังคงขยายธุรกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่องด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นความสำคัญของการนำนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการพลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน"นายบัณฑิต กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน บริษัทได้ดำเนินการต่อยอดเทคโนโลยีให้มีความหลากหลาย และขยายฐานธุรกิจของบริษัทไปยังประเทศต่างๆ ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะทำให้รายได้ของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างสมดุลของความหลากหลายของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของบริษัทอีกด้วย