บมจ.เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น (TPS) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) อนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท และบริษัท ซูเพิร์บ คอมพ์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมประมูลในโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำหรับบริษัทจัดตั้งใหม่จะมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ถือหุ้นฝ่ายละ 50% โดยบริษัทคาดว่าจะลงนามในสัญญาร่วมทุนภายใน 30 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน
นายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TPS กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 63 ยังมีทิศทางที่ดี แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ มีการปรับตัวในการทำงานด้วยการ Work From Home มีการใช้ระบบประชุมทางไกล (Video Conference) และการทำงานจากที่บ้านผ่านระบบ VPN (virtual private network) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมในการติดตั้ง ปรับปรุงระบบและให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่แล้ว คาดว่าจะเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในปีนี้ บริษัทคาดการสัดส่วนรายได้จากภาครัฐ 40% ภาคเอกชน 60%
ส่วนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 มีรายได้รวม 158.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.64% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.61% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีกว่า 458.80 ล้านบาท ในช่วงปลายปี 62 โดยการส่งมอบงานให้กับภาครัฐและเอกชนได้ตามกำหนด พร้อมกับสามารถปิดดีลกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น
"รายได้และกำไรของผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถส่งมอบงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตามกำหนด และมีการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี โดยปัจจุบันบริษัทยังมี Backlog อยู่ในมือ 415 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากงานที่เหลือไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ และบริษัทยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหญ่ ๆ อย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะช่วยหนุนรายได้ในปีนี้ให้เติบโตตามเป้า 15-20%"นายบุญสม กล่าว
สำหรับสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ มาจากรายได้ธุรกิจจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 110.44 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย 42.32 ล้านบาท และรายได้จากงานให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ 5.29 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ 0.65 ล้านบาท