บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เปิดเผยว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียปรับลดเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารปี 63 มาอยู่ที่ 10.8 ล้านคน ลดลง 51% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสาร 22.15 ล้านคน โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ลดลงมาอยู่ที่ 80% หรือลดลง 5 จุด ซึ่งสมมติฐานตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามการประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศจะค่อยๆ ฟื้นตัวหลังการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด โดยจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของปริมาณความต้องการเดินทางในประเทศในช่วงปลายไตรมาส 2/63
ในขณะที่เส้นทางบินระหว่างประเทศคาดว่าจะเปิดให้บริการบางส่วนในเดือน ส.ค.63 เพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียที่น่าจะทยอยกลับมาก่อนภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการผ่อนคลายมาตรการจากัดด้านการเดินทางและมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า(โควิด-19)
"เรายังคงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังหากมีการผ่อนปรนมาตรการและข้อกำหนดด้านการเดินทางมากขึ้น อาจจะเริ่มเห็นการเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในตลาดจีน ซึ่งประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง เราจึงต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างให้ดีที่สุดเมื่อโอกาสมาถึงอีกครั้ง"นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าว
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ในไตรมาส 1/63 สายการบินไทยแอร์เอเชียมีจานวนผู้โดยสารรวมในช่วงไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 4.5 ล้านคน ลดลง 23% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจeนวนผู้โดยสารเส้นทางบินระหว่างประเทศหดตัว 41% จากปีก่อน ในไตรมาสดังกล่าวได้ปรับเส้นทางบินและปรับแผนปริมาณที่นั่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการบินและให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง โดยลดความถี่และยกเลิกการให้บริการเส้นทางบินในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาด
ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.63 มีจำนวน 6.7 ล้านคน ลดลง 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักหดตัว 60% ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปลดลงน้อยที่สุด 15% เนื่องจากในภูมิภาคดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในปลายไตรมาสที่ 1
ขณะที่สายการบินไทยแอร์เอเชียปรับแผนปริมาณที่นั่งให้สอดคล้องกับความต้องการการเดินทาง ส่งผลให้อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารในไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 84% หรือลดลง 6 จุดจากปีก่อน นอกจากนี้ ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยในไตรมาส 1/63 ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,401 บาท/คน
สายการบินไทยแอร์เอเชีย ระงับการบินเส้นทางบินระหว่างประเทศระหว่างวันที่ 22 มี.ค.-31 พ.ค.63 ส่งผลให้ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารอยู่ที่ 4,834 ล้านที่นั่ง ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสดังกล่าวได้ดำเนินการขายอากาศยานและเช่าอากาศยานกลับ (Aircraft Sale and Leaseback) จำนวน 9 ลำ และขายอากาศยานจำนวน 1 ลำ ส่งผลให้บริษัทมีเครื่องบินจำนวน 62 ลำ ณ สิ้นสุดไตรมาส 1/63
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/63 AAV รายงานผลประกอบการมีรายได้รวม 9,399.0 ล้านบาท ลดลง 19% จากไตรมาส 1/62 ที่เท่ากับ 11,618.2 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 10,767.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในไตรมาส 1/63 ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิจำนวน 671.4 ล้านบาท พลิกจากกำไรสุทธิจำนวน 497.2 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีขาดทุนต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.1385 บาท และมีขาดทุนในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 2,011.9 ล้านบาท พลิกจากกำไรในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 497.2 ล้านบาท ในปีก่อน
นายสันติสุข กล่าวว่า ในช่วงปลายไตรมาส 1/63 เป็นต้นมา ภาคบริการรวมทั้งแอร์เอเชียได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อยอดการเดินทางของผู้คนจำนวนมาก โดยแต่ละประเทศได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียจำเป็นต้องประกาศหยุดบินชั่วคราวในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.-31 พ.ค.63 สอดคล้องกับประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) และหยุดบินชั่วคราวในเส้นทางบินภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย.63
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.63 ในเส้นทางหลักๆ หลังจากเริ่มมีสัญญาณและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานสุขอนามัยและกำกับดูแลโดย CAAT โดยช่วงแรกยังเป็นการเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ที่จำเป็น เช่น การทำธุรกิจ ทำงาน กลับภูมิลำเนา ไม่ใช่การเดินทางเพื่อท่องเที่ยว ขณะที่เส้นทางบินระหว่างประเทศคาดว่าจะกลับมาให้บริการได้ในไม่ช้าเมื่อแต่ละประเทศประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางมากขึ้น
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้วางแผนและปรับแผนตามสถานการณ์ โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งการปรับโครงสร้างการป้องความเสี่ยงน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้าบางส่วนและอยู่ระหว่างเจรจาในส่วนที่เหลือ ซึ่งจะชะลอผลขาดทุนหากราคาน้ำมันยังอยู่ ณ ระดับปัจจุบัน อีกทั้งผู้บริหารระดับสูงและพนักงานระดับอาวุโสของบริษัทสมัครใจรับเงินเดือนที่ลดลงตามระดับตำแหน่ง รวมทั้งบริษัทยังเตรียมความพร้อมหาเงินทุนสำรอง ผ่านการกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) กับรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนให้รัดกุมมากที่สุด โดยอาจระงับหรือชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งพิจารณาระงับการจัดหาเครื่องบินเพิ่มในปีนี้ เพื่อให้มีจำนวนฝูงบินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
"เราพยายามบริหารจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุดในภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกันเราก็ไม่หยุดนิ่ง ใช้โอกาสนี้ในการพัฒนามาตรฐานการให้บริการผู้โดยสารที่ดีขึ้น โดยเฉพาะมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย รวมทั้งนวัตกรรมที่จะนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือแม้แต่การสร้างรายได้ใหม่ๆ เช่น บริการจำหน่ายอาหาร AirAsia Delivery ส่งถึงบ้านทั้งชานมไข่มุกบุก หรืออาหารคาวหวานยอดนิยม ซึ่งเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสภายใต้วิกฤตที่เกิดขึ้น และเมื่อสถานการณ์ต่างๆ ผ่านพ้นไป เราจะกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง" นายสันติสุข กล่าว