นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 ยังคงทรงตัวในทิศทางที่ดี แม้การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวอย่างชัดเจน แต่ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกมีเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากช่วงที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์ประเภทถุงพลาสติกมีความจำเป็นที่ต้องใช้เพื่อบรรจุอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริการ Delivery หรือกรณีประชาชนต้องซื้อสินค้าในปริมาณมากๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มรายได้ตลอดทั้งปีนี้ อาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก หรือกรณีแย่ที่สุดอาจใกล้เคียงกับปี 62 ที่มีรายได้ประมาณ 513 ล้านบาท เนื่องจากตัวแปรหลักคือราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ราคาขายสินค้าจำเป็นต้องปรับลดลงตามราคาเม็ดพลาสติก แต่ในทางกลับกันแนวโน้มปริมาณขายสินค้ากลับไม่ได้ลดลง ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าบริษัทจะยังรักษาความสามารถทำกำไรไว้ได้ดีเช่นเดิม
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเงินลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณกว่า 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งนำมาปรับปรุงศักยภาพการผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ประเภทถุงพลาสติก และนำมาขยายผลิตภัณฑ์กระดาษประเภทบรรจุภัณฑ์กล่องอาหาร ภายใต้ตราสินค้า "B-LEAF" สอดคล้องกับกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังเป็นการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปี 64 หลังจากรัฐบาลมีนโยบายยกเลิกใช้ผลิตภัณฑ์กล่องโฟมบรรจุอาหาร ล่าสุดเริ่มทำการตลาดและขายให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมแล้วในเฟสแรกและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คาดว่าในช่วงปลายปีนี้พิจารณาขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์กระดาษประเภทบรรจุภัณฑ์กล่องอาหารอีกครั้ง
"การรณรงค์ยกเลิกใช้ถุงพลาสติกช่วงที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้รับผกระทบเพราะมุ่งเน้นลูกค้าตลาดล่างที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติก ส่วนในช่วงที่เกิดโควิด-19 ยอดขายบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่อาจจะมีผลกระทบบ้างเรื่องการแข่งขันและต้นทุนแฝงต่างๆ แต่คาดหวังว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากโควิด-19 ผ่อนคลายและรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ก็หวังว่าจะเป็นส่วนช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนอีกครั้ง"นายธีระชัย กล่าว