บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯวาระพิเศษเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63 เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้สัตยาบนขยายระยะเวลาการใช้วงเงินกู้ยืมเงินที่บริษัทได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน 3,000 ล้านบาทจากนางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นั้น โดยการขยายระยะเวลาการใช้วงเงินกู้ยืมเงินจากเดิมไม่เกิน 12 เดือนนับจากวันที่ของสัญญากู้ยืมระหว่างบริษัทและผู้ให้กู้ฉบับลงวันที่ 14 พ.ค.62 ให้เป็นไม่เกิน 48 เดือน หรือมีผลจนถึงวันที่ 31 ก.ย.63 แทน เนื่องจากบริษัทประเมินว่าจะสามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินและสามารถดำเนินการแก้ไขสัญญากู้ยืมจนแล้วเสร็จได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ขณะที่ผู้ให้กู้ได้พิจารณาสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ศักยภาพในการชำระคืนหนี้ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจสายการบิน และความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระหนี้เนื่องจากเป็นการให้กู้ยืมที่ไม่มีหลักประกันแล้ว จึงเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญากู้ยืมเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ก่อนการให้บริษัทเบิกถอนเงินกู้ในคราวถัดไป โดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายรับทราบและตกลงว่าผู้ให้กู้มีสิทธิบอกเลิกสัญญา และ/หรือ ยกเลิกวงเงินที่เหลือได้ทันทีแม้ว่าจะยังมีวงเงินเหลืออยู่อีกก็ตาม โดยให้มีผลถึงวันที่ 30 ก.ย.63
พร้อมกันนั้น ยังอนุมัติให้ทำรายการรับความช่วยเหลือทางการเงินโดยการขยายระยะเวลาการใช้วงเงินกู้ยืมเงินและการให้สิทธิผู้ให้กู้บอกเลิกสัญญากู้ยืมภายใต้วงเงินเดิมคือ 3,000 ล้านบาทตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 จนถึงวันที่ 14 พ.ค.66
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การปิดน่านฟ้าห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศ และการชะลอตัวของธุรกิจสายการบินรวมทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม ทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่อง บริษัทประสบปัญหากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และบริษัทไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนอื่น เช่น การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ บริษัทได้พิจารณาแล้วว่าบริษัทยังคงต้องคงวงเงินดังกล่าวไว้เพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัทฯให้ดาเนินธุรกิจต่อไปได้
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วาระพิเศษครั้งนี้พิจารณาแล้วเห็นว่าด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริตตามหลักการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการบริษัท (Fiduciary Duties) เห็นว่าการเข้าทำรายการให้สิทธิผู้ให้กู้บอกเลิกสัญญากู้ยืมต้องดำเนินการโดยทันที เนื่องด้วยความจำเป็นในการใช้เงินสดเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้เพียงพอต่อการดำเนินงาน ซึ่งทำให้บริษัทไม่สามารถรอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 วันที่ 6 ส.ค.63 อนุมัติได้
หากบริษัทไม่ได้เบิกถอนเงินกู้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ การขาดแคลนกระแสเงินสดจะส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญจนอาจทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ หยุดชะงักลงได้ นอกจากนี้ การเข้าทำรายการให้สิทธิผู้ให้กู้บอกเลิกสัญญากู้ยืมไม่ปรากฏว่ามีการถ่ายเทผลประโยชน์ระหว่างบริษัทฯ และบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
ทั้งนี้ แม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วาระพิเศษได้อนุมัติการเข้าทำรายการให้สิทธิผู้ให้กู้บอกเลิกสัญญากู้ยืมไปแล้ว บริษัทก็ยังคงมีหน้าที่ต้องขอสัตยาบันจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ส่วนการทำรายการใหม่ในการรับความช่วยเหลือทางการเงิน ภายใต้วงเงินกู้ยืม 3,000 ล้านบาท และให้สิทธิผู้ให้กู้บอกเลิกสัญญากู้ยืมตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 จนถึงวันที่ 14 พ.ค.66 บริษัทจะนำเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 พิจารณาอนุมัติแทนการให้สัตยาบัน ในวันที่ 6 ส.ค.63
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทของนางนลินี งามเศรษฐมาศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.63 เป็นต้นไป และอนุมัติการแต่งตั้งนางสาวนวลวรรณ ภู่ประเสริฐ เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.63 เป็นต้นไป
อนึ่ง นางหทัยรัตน์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NOK ในสัดส่วน 26.38% และเป็นมารดาของผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีก 2 ราย คือ นายณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้น 26.07% และนายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้น 22.51% (ข้อมูล ณ 31 พ.ค.63) นอกจากนี้ นางหทัยรัตน์ เป็นมารดาของนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOK