นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เคมิคอล (PTTCH) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2550 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 2,975 ล้านบาท หรือ 2.00 บาทต่อหุ้น ลดลง 1,188 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,163 ล้านบาท หรือ 3.68 บาทต่อหุ้น
กำไรสุทธิที่ลดลงในไตรมาส 2 ปี 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณการผลิตโอเลฟินส์ที่ลดลง 14.1% โดยในไตรมาส 2 ปี 2550 มีปริมาณการผลิตโอเลฟินส์เท่ากับ 339,764 ตัน เนื่องจากการหยุดโรงโอเลฟินส์ I1 ชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักร (กำลังการผลิตโอเลฟินส์ 461,000 ตันต่อปี) เป็นเวลา 46 วัน (28 พฤษภาคม-12 กรกฎาคม) เนื่องจากมีการใช้งานอย่างเต็มกำลังผลิตในปี 2549 (104%) โรงงานโอเลฟินส์ I4-1 ที่ได้ขยายกำลังการผลิตโอเลฟินส์ขึ้น 250,000 ตันต่อปีภายใต้โครงการ Debottlenecking I ที่กำเนินการแล้วเสร็จในต้นไตรมาส 2 ปี 2550 ยังไม่สามารถเดินเครื่องได้เต็มที่ เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับแต่งสภาวะการเดินเครื่องหลังขยายกำลังการผลิต
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงโอเลฟินส์ทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 79 ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 96
ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับลดลง โดยในไตรมาส 2 ปี 2550 ราคา HDPE ในตลาดเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Spot SEA) ปรับเพิ่มขึ้น 100 เหรียญสหรัฐต่อตันจาก 1,200 เหรียญสหรัฐต่อตันในไตรมาส 2 ปี 2549 เป็น 1,300 เหรียญสหรัฐต่อตัน ราคาเอทิลีนมาบตาพุดอยู่ที่ 1,074 เหรียญสหรัฐต่อตัน ค่อนข้างคงที่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1,071 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาโพรพิลีนมาบตาพุดอยู่ที่ 1,140 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 ขณะที่ราคาวัตถุดิบอ้างอิงแนฟทา (MOPS) อยู่ที่ 672 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.7 ส่งผลให้ส่วนต่างของราคา HDPE เทียบกับราคาวัตถุดิบอ้างอิงแนฟทา (MOPS) อยู่ที่ 627 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.96 และส่วนต่างของราคาเอทิลีนมาบตาพุดเทียบกับราคาวัตถุดิบอ้างอิงแนฟทา (MOPS) อยู่ที่ 401 เหรียญสหรัฐต่อตันลดลงร้อยละ 16.5
สืบเนื่องจากการหยุดโรงงานเพื่อซ่อมบำรุงสำหรับโรงงาน I-1 ที่ใช้วัตถุดิบที่เป็นก๊าซ ทำให้สัดส่วนการใช้วัตถุดิบที่เป็นแนฟทาในไตรมาส 2 ปี 2550 นี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2549 ที่ร้อยละ 26 เป็นร้อยละ 30 ของปริมาณวุตถุดิบที่ใช้ทั้งหมด ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาทจากการปิดโรงโอเลฟินส์ I1 เพื่อการซ่อมบำรุง
กำไรต่อหุ้นลดลงในไตรมาส 2 ปี 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงและจำนวนหุ้นสามัญที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิมรวมเป็นจำนวน 358.97 ล้านหุ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2549
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--