บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) แจ้งว่าตามแผนการสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าที่สัญญาจะหมดอายุลง (SPP Replacement) จำนวน 5 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่จะสร้างใหม่ 2 โครงการ (BGPR 1-2) ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกับลูกค้าอุตสาหกรรม เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีด้วยความร่วมมือกับบริษัท Siemens และบริษัท Toshiba Plant Systems & Services Corporation (TPSC) โดยมีการเตรียมพร้อมด้านเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการทั้ง 7 โครงการนี้เรียบร้อยแล้ว มีสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งที่พร้อมสนับสนุนเงินลงทุน ควบคู่ไปกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากด้วยเงินสดในมือ 1.9 หมื่นล้านบาท รวมถึงอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 1.1 เท่าตามงบการเงินรวม และ 0.5 เท่า ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ กลางปี 2563
ทั้งนี้ โครงการ SPP Replacement จำนวน 5 โครงการดังกล่าว มีกาลังการผลิตรวม 700 เมกะวัตต์ (MW) มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2565 เป็นการสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโครงการ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1, โครงการ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2, โครงการ บี.กริม เพาเวอร์ แหลมฉบัง 1 และโครงการ บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) จำนวน 2 โครงการ รวมเป็นกำลังการผลิตที่จะหมดอายุลง 564 เมกะวัตต์
ขณะที่มีการเพิ่มจำนวนเมกะวัตต์ในส่วนของลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำที่มีเสถียรภาพในระดับสูงจากพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งปัจจุบันมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่แล้ว สำหรับในส่วนของการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. นั้นจะมีปริมาณรวมลดลงจากเดิมสูงสุด 350 เมกะวัตต์ เป็นจำนวน 150 เมกะวัตต์
นอกเหนือจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ เดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม อีก 2 โครงการ (BGPR 1-2) ในนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ รวมกำลังการผลิต 280 เมกะวัตต์ และมี PPA กับ กฟผ. 90 เมกะวัตต์ต่อโครงการ มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2566