บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ มีผลขาดทุนสุทธิ 2,469.3 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 1,004.6 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อรายได้ ขณะที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงยังรับรู้ผลขาดทุนจากการเลิกกิจการของบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นยอดเงินรวม 1,693.19 ล้านบาทในงบการเงินรวมด้วย
ขณะที่งวดไตรมาส 2/63 ขาดทุนสุทธิ 139.25 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 700.44 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
NOK ชี้แจงว่าผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปีนี้ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 3,367.61 ล้านบาท ลดลง 47.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้จำนวนผู้โดยสาร และจำนวนเที่ยวบินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีจำนวนเที่ยวบินลดลงมาที่ 17,592 เที่ยวบิน จาก 31,562 เที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสาร ลดลงมาที่ 2.10 ล้านคน จาก 4.26 ล้านคน ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 5,425.03 ล้านบาท ลดลง 26.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลงในอัตราที่ต่ำกว่ารายได้ที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin factor) ระดับ 79.16% จาก 88.35% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ผู้โดยสารต่อผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (Passenger Yield) อยู่ที่ 1.98 บาท/ผู้โดยสาร-กม. จาก 1.97 บาท/ผู้โดยสาร-กม.
นอกจากนี้ บริษัทได้รับรู้ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน 299.74 ล้านบาท จากการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่ามาใช้ รวมถึงการบันทึกต้นทุนดอกเบี้ยของสิทธิการใช้พื้นที่ตามสัญญาเช่า จำนวน 307.48 ล้านบาทด้วย และบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิด ตามมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 เป็นยอดเงินจำนวน 246.80 ล้านบาท ผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงขึ้น
รวมถึงรับรู้ผลขาดทุนจากการเลิกกิจการของบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด เป็นยอดเงินรวม 1,693.19 ล้านบาทในงบการเงินรวม
สำหรับงวด 6 เดือนปี 63 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ 1,100.20 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 133.59 ล้านบาท จากสิ้นปี 62