THL เผย Q2/50 ยังขาดทุน 35.81 ลบ.เหตุผลิตทองน้อยกว่าคาด-ต้นทุนสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 15, 2007 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายโรนัลด์ อึ้ง วาย ชอย กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทุ่งคาฮาเบอร์ (THL) ชี้แจงงบการเงินรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ซึ่งได้ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจากบริษัท เอ.เอ็ม.ที แอสโซซิเอท ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 คิดเป็นจำนวนเงิน 35.81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจำนวนเงิน 37.84 ล้านบาท
รายได้จากการขายแร่ดีบุกเนื่องจากภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมัน ประกอบกับการที่ต้องมีภาระจ่ายค่าภาคหลวงในอัตราที่สูงมากทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนผลิต บริษัทฯได้หยุดการดำเนินการทำเหมืองแร่ดีบุกไว้ชั่วคราว และปัจจุบันบริษัทฯอยู่ในระหว่างรอผลการพิจารณาทบทวนอัตราการจัดเก็บค่าภาคทางหลวงแร่ดีบุกจากรัฐบาล
รายได้จากการขายหินแอนดีไซด์ลดลงจาก 7.12 ล้านบาท เป็น 1.35 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่ลดลงนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขอเลื่อนกำหนดการส่งมอบหินโดยผู้รับเหมาโครงการปรับปรุงผิวถนนของกรมทางหลวง นอกไปจากนี้ต้นทุนขายลดลงจาก 5.95 ล้านบาท เป็น 1.04 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
บริษัทฯได้เริ่มดำเนินการผลิตแร่ทองคำเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา โดยในไตรมาสที่ 2/2550 บริษัทฯผลิตทองคำจำนวน 4,099.50 ออนซ์ และจำหน่ายทองคำทั้งสิ้นจำนวน 4,035.45 ออนซ์ ทำให้บริษัทฯ มีรายได้สุทธิจากการขายทองคำเป็นเงิน 93.36 ล้านบาท และมีกำไรที่เป็นเงินสดขั้นต้นคิดเป็นร้อยละ 20.55 หรือประมาณ 31.83 ล้านบาท ผลผลิตที่ลดลงต่ำกว่าประมาณการส่งผลให้เกิดผลขาดทุนสุทธิในบริษัท ทุ่งคำ จำกัด จำนวน 25.09 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายจากการขายและดำเนินงานลดลง 3.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงประมาณร้อยละ 9.73 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องในไตรมาสนี้
การเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วมเป็นวิธีราคาทุนเดิม (HISTORICAL COST) ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 และฉบับที่ 32/2549 เรื่องการเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย และ/หรือ บริษัทร่วมของกิจการในงบการเงินเฉพาะของกิจการ จากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนโดยบริษัทฯได้เปลี่ยนใช้วิธีราคาทุนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 เป็นต้นไป และปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังโดยปรับปรุงกำไรสะสมยกมาต้นปี 2550 และ ข้อมูลในงบการเงินทุกงวดที่นำเสนอในงวดปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้กำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการแตกต่างจากกำไรสุทธิของงบการเงินรวม
ในส่วนงบการเงินปี 2549 ที่จะนำมาใช้เปรียบเทียบนั้น ได้เปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม เป็นวิธีราคาทุนเดิมจากงบการเงินรวม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยแห่งหนึ่งจำนวน 4.41 ล้านบาทและบันทึกด้อยค่าจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 27.79 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 32.2 ล้านบาท และเมื่อรวมผลขาดทุนของบริษัทฯ จำนวน 3.60 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนรวมทั้งสิ้น 35.81 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ