นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "KK" ในวันที่ 7 ตุลาคม 2563
KK ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ร้านชื่อ "เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์" จำนวน 28 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล รวมถึงบริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้าจำนวน 1 แห่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บริษัทฯ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด "ซื้อของครบ พบของถูก ถูกทุกวัน ที่ K&K ทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ" โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่า 8,000 รายการ
KK มีทุนชำระแล้ว 115 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 161 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 69 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยเสนอขายในวันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม 2563 ในราคาหุ้นละ 0.88 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 60.7 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 202.4 ล้านบาท ทั้งนี้ มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 10.35 ล้านหุ้น ในราคาเดียวกัน
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 20.03 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2562 - 30 มิถุนายน 2563) ซึ่งเท่ากับ 10.11 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท มี บมจ. หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ KK เปิดเผยว่า KK เติบโตคู่ชาวสงขลามากว่า 27 ปี จุดแข็งคือมีความเข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี โดยร้านเคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เป็นร้านค้า Modern-Traditional Trade ในรูปแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยของร้านค้าโมเดิร์นเทรดและความร่วมสมัยของร้านค้าในท้องถิ่น ให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งของร้านสาขา ตลอดจนการบริหารจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมี 28 สาขาครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายสาขาเพิ่มเติม ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ทั้งนี้ KK มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลักหลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวสิริธนนนท์ ถือหุ้น 65.72% บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย