ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญของ บมจ.ศิรกร ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SK เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและเริ่มทำการซื้อขาย วันที่ 8 ต.ค.63 โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 460 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 230 ล้านบาท
SK เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง และรับเหมาก่อสร้างโยธา สายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า ได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 115,348,120 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 0.80 บาท ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ย.63
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ.ศิรกร เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 8 ต.ค.63 ภายใต้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SK"
การเสนอขายหุ้น IPO ของ SK ครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 92.28 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 368 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 8 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ค.62-30 มิ.ย.63) ซึ่งเท่ากับ 45.93 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท มีบริษัทแคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบล.โกลเบล็ก และบล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายโกวิท หรรษ์หิรัญ กรรมการผู้จัดการ SK เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี และกว่า 20 ปีในงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า มีทีมงานผู้ชำนาญการทางด้านวิศวกรรม และมีโรงงานครอบคลุมพื้นที่การจำหน่ายทั่วประเทศ ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้จะช่วยสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง และใช้รองรับการขยายงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดยเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน
ทั้งนี้ SK มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มตั้งนุกูลกิจ ถือหุ้น 30.20% กลุ่มกิตติวรภัทร ถือหุ้น 8.02% และกลุ่มพุ่มเสนาะ ถือหุ้น 7.23% บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัท ภายหลังจากหักภาษีและทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย