ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ NRF เข้าซื้อขายใน SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนกับตลท. และวันที่เริ่มทำการซื้อขาย วันที่ 9 ต.ค.63 โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 1,355,780,300 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 1,355,780,300 บาท
NRF ดำเนินธุรกิจผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัตที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ ได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 340 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4.60 บาท ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-5 ต.ค.63
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "NRF" ในวันที่ 9 ต.ค.นี้
NRF มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 1,356 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,066 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 290 ล้านหุ้น โดยเสนอขาย IPO รวม 340 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุน 290 ล้านหุ้นและหุ้นเดิม 50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.6 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,564 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,237 ล้านบาท โดยมี ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ NRF เปิดเผยว่า มีความเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปขยายกำลังการผลิต เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และต่อยอดการเป็น Future of Food ในอุตสาหกรรมอาหารของโลก
NRF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ ภายหลังการหักเงินทุนสำรองต่าง ๆ ตามกฎหมายและเงินสำรองอื่น อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน และการบริหารงานของบริษัท
ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มครอบครัวปฐมวาณิชย์ ถือหุ้น 68.2% และบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ดุสิตธานี (DTC) ถือหุ้น 5.0% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (bookbuilding) ของผู้ลงทุนสถาบันในแต่ละลำดับราคา โดยตั้งเป็นช่วงราคา ซึ่งคิดเป็นอัตราราคาต่อกำไร (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 82.71-95.12 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิใน 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ 23 ก.ย.62 ถึงวันที่ 21 ก.ย.63) ซึ่งเท่ากับ 65.6 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท (Fully Diluted Earnings)