นางไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านบัญชีการเงิน บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ชี้แจงงบการเงินรวมสอบทานสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 บริษัทมีผลกำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวม 4,498.42 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 4,243.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 254.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6
เนื่องจากมีรายได้จากการขายสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จำนวนเงิน 55,276.24 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อน จำนวนเงิน 56,577.90 ล้านบาท ลดลง 1,301.66 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2 และมีต้นทุนขายลดลง 1,562.21 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินบาท โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยในไตรมาสปัจจุบันอยู่ที่ 34.8091 บาท/เหรียญสหรัฐ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 38.2242 บาท/เหรียญสหรัฐ หรือแข็งค่าขึ้น 3.4151 บาท/เหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9 โดยบริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าในประเทศ :ต่างประเทศในอัตรา 65 : 35 ในขณะที่มีสัดส่วนการซื้อวัตถุดิบในประเทศ : ต่างประเทศในอัตรา 5 : 95 ทำให้ราคาขายเฉลี่ยในไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมาร้อยละ 4 ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ 6 เป็นผลให้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 260.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 โดยบริษัทมีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 189,640 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสปัจจุบัน เมื่อเทียบกับที่ระดับ 178,123 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 6
บริษัทมีกำไรจากการขายเงินลงทุนระยะยาวในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จำนวนเงิน 510.32 ล้านบาท เนื่องมาจากการขายเงินลงทุนจากการถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในขณะที่มีเงินปันผลรับลดลง 113.25 ล้านบาท
บริษัทมีรายได้อื่นในไตรมาสปัจจุบันจำนวนเงิน 143.60 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวนเงิน 326.54 ล้านบาท ลดลง 182.94 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56 เนื่องจากในปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับคืนเงินค่าเบี้ยปรับภาษีจากการแปลงสภาพดอกเบี้ยค้างจ่ายตามแผนปรับโครงสร้างหนี้เป็นทุน จากกรมสรรพากร เป็นจำนวนเงิน 242.54 ล้านบาท
บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2550 จำนวน 1,045.94 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 688.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 357.25 ล้านบาท หรือร้อยละ 52 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษให้กับพนักงานที่ลาออก 187 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น 75 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาเพิ่มขึ้น 36 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 59 ล้านบาท
บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จำนวนเงิน 260.04 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวนเงิน 566.35 ล้านบาท ลดลง 306.31 ล้านบาท หรือร้อยละ 54 เนื่องจากบริษัทได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมดในวันที่ 29 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา ด้วยเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงานบางส่วนและกู้เงินระยะสั้น 1 ปี ((Bridge loan) จำนวนเทียบเท่า 805 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว นอกจากนี้ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 บริษัท ได้จ่ายชำระหนี้ Bridge loan บางส่วน จำนวนเทียบเท่า 505 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงาน และหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 10 ปี จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.375 ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 และในวันที่ 29 มิถุนายน 2550 บริษัท ได้จ่ายชำระหนี้ Bridge loan ที่เหลือ จำนวนเทียบเท่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงาน
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--