ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ ของบมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SFT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และเริ่มทำการซื้อขาย 29 ต.ค.63 มีจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 440 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 220 ล้านบาท
SFT ดำเนินธุรกิจ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูป สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามระบบการพิมพ์ ได้แก่ ระบบการพิมพ์กราเวียร์ และระบบการพิมพ์ดิจิตอล 2.ผลิตภัณฑ์อื่น ได้แก่ แม่พิมพ์ (Printing Cylinder) และฟิล์มยืด (Stretch Film) โดยบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.80 บาท ระหว่างวันที่ 19-22 ต.ค.63
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SFT เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai วันที่ 29 ต.ค.นี้
SFT มีทุนชำระแล้ว 220 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 320 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น เสนอขาย IPO ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 456 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,672 ล้านบาท โดยการกำหนดราคาหุ้น IPO ใช้วิธีสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book building) ของผู้ลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ค.62 -30 มิ.ย.63) เท่ากับ 59.71 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.14 บาท และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ประมาณ 27.14 เท่า มีบล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายซุง ชง ทอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SFT เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ของผู้บริหารในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปกว่า 12 ปี SFT มีทีมงานที่มีความมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโรงงานผลิตแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตในตลาดฟิล์มหดรัดรูปเดิมและรองรับตลาดใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ SFT มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มนายซุง ชง ทอย ถือหุ้น 47.27% และกลุ่มปิยะตรึงส์ ถือหุ้น 25.45% บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท