บมจ.จุฑานาวี (JUTHA) เพิ่มทุน 283.97 ล้านหุ้น แบ่งจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ที่ 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.30 บาท และนักลงทุนในวงจำกัด (PP) 2 ราย ในราคาหุ้นละ 0.45 บาท ได้แก่ นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแปลงหนี้เป็นทุน และ Austin Asset Limited ในกลุ่มนนทลิน ทำให้หลังการเพิ่มทุนแล้วนายชเนศร์ จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 38.64% จากเดิม 24.30% และ Austin เข้ามาถือหุ้น 27.9% พร้อมกับขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash)
JUTHA แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 30 ต.ค. อนมุติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติโครงการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท โดยบริษัทได้เจรจากับนายชเนศร์ ซึ่งนายชเนศร์ตกลงเข้าร่วมโครงการแปลงหนี้เป็นทุนจำนวนประมาณ 39.99 ล้านบาท และบริษัทจะชำระหนี้เงินกู้อีกจำนวน 40 ล้านบาทด้วยเงินสด
ทั้งนี้ บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1.27 พันล้านบาท จากเดิมที่ 422.39 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 283.97 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 3 บาท แบ่งจัดสรรจำนวน 88.89 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 0.45 บาท ให้กับนายชเนศร์ ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน, จัดสรร 88.89 ล้านหุ้น ที่ราคาหุน้ละ 0.45 บาท ให้กับ Austin และจัดสรร 106.19 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.30 บาท ระหว่างวันที่ 20-22 และ 25-26 ม.ค.64
ภายหลังการเพิ่มทุนจะทำให้นายชเนศร์ จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 38.64% จากเดิม 24.30% และ Austin เข้ามาถือหุ้น 27.9% ซึ่งทำให้มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ดังนั้น นายชเนศร์ และ Austin จึงมีความประสงค์ที่จะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash) โดยคาดว่าการดำเนินการตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุนและการเข้าทำธุรกรรม PP จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ธ.ค.63
วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนที่เสนอขายให้กับนายชเนศร์ เป็นการดำเนินการตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว บริษัทจะมีภาระหนี้สินรวมทั้งหมด ลดลงจากที่ปรากฏในงบการเงินรวมของบริษัท ณ วันที่ 30 มิ.ย.63 จาก 1.21 พันล้านบาท เป็นจำนวน 1.17 พันล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดลงจากประมาณ 5.3 เท่า เป็น 4.4 เท่า และการเพิ่มทุนให้กับ Austin บริษัทจะนำเงินที่ได้ประมาณ 39.99 ล้านบาท ไปชำระคืนหนี้เงินกู้ให้แก่นายชเนศร์ ซึ่งจะทำให้ภาระหนี้สินลดลงเป็น 1.13 พันล้านบาท และอัตราหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือราว 3.7 เท่า
การที่ Austin ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น โดยมีนทลิน (NAT) ถือหุ้น 100% นั้น จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัท และ กลุ่ม NAT แต่อย่างใด เนื่องจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท และกลุ่ม NAT ซึ่งรวมถึงบมจ.พริมา มารีน (PRM) ซึ่ง NAT และ Austin ถือหุ้นรวมกันเกินกว่า 50% ประกอบกิจการที่ใช้เรือเดินทะเลเพื่อให้บริการขนส่ง (Tanker Business) และจัดเก็บ (Floating Storage Unit Business) น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Business) และการบริหารจัดการเรือ
ขณะที่บริษัทประกอบกิจการพาณิชย์นาวีระหว่างประเทศโดยเดินเรือแบบรับจ้างขนส่งเป็นระยะเวลา (Time Charter) ซึ่งมีลักษณะเป็นเรือเอนกประสงค์ สามารถรับบรรทุกสินค้าประเภท สินค้าเทกอง สินค้าหีบห่อ รถยนต์ เครื่องจักร สินค้าที่มีลักษณะพิเศษ สินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ สินค้าแช่แข็ง ซึ่งเป็นเรือคนละประเภทกับที่ NAT PRM รวมถึงบริษัทในเครืออื่น ๆ ของ NAT ใช้ประกอบกิจการ
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ในวันที่ 17 ธ.ค.63 เพื่อพิจารณาเรื่องโครงการแปลงหนี้เป็นทุน การเพิ่มทุน และการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน รวมถึงพิจารณาอนุมัติการผ่อนผันทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท จากการได้มาซึ่งหุ้นเพิ่มทุนของ นายชเนศร์ และ Austin