บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นสัดส่วน 100% ใน Go-Pak UK Limited (Go-Pak) ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดยบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปของการลงทุนประมาณเดือนธันวาคม 2563 หลังจากได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายด้านกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จากหน่วยงานที่มีอำนาจในประเทศที่เกี่ยวข้อง
Go-Pak มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบริสตอล สหราชอาณาจักร และมีฐานการผลิตอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ทั้งจากฐานการผลิตของตนเองและเครือข่ายการจัดหาสินค้าทั่วโลก ซึ่งบรรจุภัณฑ์อาหารเหล่านี้จะนำไปใช้ในการบรรจุอาหารและเครื่องดื่มพร้อมรับประทาน
Go-Pak มีฐานลูกค้าเป็นผู้จัดจำหน่ายในภาคธุรกิจการบริการด้านอาหาร ผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่ง ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการร้านอาหาร เครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ร้านขายอาหารนำกลับ รวมถึงผู้ให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ โดยธุรกิจข้างต้นมุ่งเน้นเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย คุณภาพ และความสะดวก ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน และเป็นปัจจัยส่งเสริมการเติบโตของความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารทั่วโลก
ขณะที่ SCGP มีฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในมาเลเซียและไทย โดยมีตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่น การเข้าซื้อหุ้น Go-Pak เป็นการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารของ SCGP ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานตลาดผู้บริโภคของบริษัท และเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ อีกทั้งเป็นการเสริมศักยภาพในการแข่งขันด้วยการเพิ่มความหลากหลายของโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหาร และขยายฐานการผลิตเพื่อการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
Go-Pak ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 และมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 12 เดือนล่าสุด (ไตรมาสที่ 4/62 -3/63) Go-Pak มีรายได้ 68.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) มีมูลค่าสินทรัพย์ 40.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/63 และมีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร 4 พันล้านชิ้นต่อปี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 250 ประเภท
SCGP เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งนำเสนอบริการด้านบรรจุภัณฑ์เยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ และบริการบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายอื่น ๆ โดยมีฐานการผลิตรวมกว่า 40 แห่งในเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
โครงการลงทุนดังกล่าวเป็นการได้มาซึ่งบริษัทย่อยที่ขนาดของสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงของการสรุปราคาหุ้นขั้นสุดท้าย จึงยังไม่สามารถคำนวณขนาดของรายการตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ได้ แต่จากประมาณการในเบื้องต้น ธุรกรรมนี้เมื่อรวมกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือนก่อนวันที่มีการเข้าทำรายการนี้ เมื่อเทียบกับมูลค่าของสินทรัพย์รวมตามงบการเงินรวมของ SCGP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ยังน้อยกว่า 15% ของสินทรัพย์รวม และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน