GPSC กำไร Q3/63 โต 188% จากงวดปีก่อน รับผลบวกต้นทุนก๊าซฯลด-ไซยะบุรีหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 5, 2020 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิ 2,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาสก่อน แม้มีรายได้จากการดำเนินงานลดลง 14% จากงวดปีก่อน และลดลง 8% จากไตรมาสก่อน มาที่ระดับ 16,601 ล้านบาท แต่ด้วยต้นทุนที่ลดลงมาก โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลัก รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ในลาว ที่เริ่มเปิดดำเนินงานในเดือนต.ค.62 ช่วยหนุนกำไรให้เติบโตมากจากงวดปีก่อน

สำหรับกำไรสุทธิ ที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่าย (Adjusted Net Income) ซึ่งเป็นกำไรที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่าย มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการบมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ในไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 2,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% จากงวดปีก่อน เป็นผลจากกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น 269 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น อันเนื่องมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าจะมีการปรับค่าเอฟที ลงในเดือนก.ย.63 และปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมจะลดลงก็ตาม

ขณะที่กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรขั้นต้นของบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) ภายหลังการเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 26 มี.ค.63 ส่วนกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลง 442 ล้านบาท สาเหตุหลักจากกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันที่ลดลง เนื่องจากรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (AP) ลดลง จากการหยุดซ่อมบำรุง 8.5 วัน และราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง และกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ลดลง อันเนื่องมาจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ลดลงจากสภาวะภัยแล้งในปี 63

นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และอื่น ๆ ลดลง 733 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังจากการเพิ่มทุนแล้วเสร็จจำนวน 930 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 185 ล้านบาท ด้านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการค้าร่วมในไตรมาสที่ 3/63 เท่ากับ 638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 3/62 สาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น 455 ล้านบาท หลังจากได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนต.ค.62

อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3/63 บริษัทมีค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อ GLOW จำนวน 363 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 2,574 ล้านบาท

ในปี 63 บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการกับ GLOW ได้มากกว่า 500 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ รับรู้มูลค่า Synergy จากการดำเนินงานแล้วประมาณ 466 ล้านบาท ซึ่งมาจากการบริหารจัดการระบบผลิตไฟฟ้าและไอน้ำให้มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่บริษัทประเมินมูลค่า Synergy เบื้องต้นที่จะเกิดขึ้นในช่วง ปี 62 -67 จะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนสามารถรับรู้มูลค่าที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท ในปี 67


แท็ก gps  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ