นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 470 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14,739 ล้านบาท) โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 146 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 103% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม จากการลดลงของปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก แม้จะมีการอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัทยังมีผลขาดทุน 16 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานดังกล่าวสะท้อนประสิทธิภาพของการดำเนินมาตรการลดต้นทุน และบริหารงบลงทุนอย่างรัดกุมตั้งแต่ต้นปี โดยในสามไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทเดินหน้าเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตในพอร์ตธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งความคืบหน้าในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับราคาก๊าซธรรมชาติที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งทยอยส่งมอบโซลูชันด้านธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
"แม้เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 3 มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก บริษัทยังคงดำเนินมาตรการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และบริหารงบลงทุนอย่างรัดกุม เน้นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนในทันทีและมีความเสี่ยงต่ำ รวมทั้งเน้นการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทมีเสถียรภาพในการเติบโตทางธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างต่อเนื่อง"นางสมฤดี กล่าว
นางสมฤดี กล่วาอีกว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานในไตรมาส 3/63 บริษัทยังคงเน้นมาตรการลดต้นทุนการผลิตของเหมืองในทุกประเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านอุปสงค์และราคาตลาดที่อ่อนตัวลง ในขณะเดียวกัน ได้ต่อยอดกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โดยมุ่งขยายธุรกิจต้นน้ำ เน้นมองหาโอกาสเพิ่มเติมในการลงทุนที่สามารถสร้างพลังร่วม (synergy) กับแหล่งก๊าซธรรมชาติ 2 แหล่งที่มีอยู่ ในจังหวะราคาซื้อขายที่ต่ำลง รวมทั้งมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจกลางน้ำ เช่น ท่อส่งและระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการผลิตของแหล่งก๊าซที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทได้อย่างมั่นคง
ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าเอชพีซีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น รวมถึงการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ยังคงเป็นไปตามแผน
สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้การดำเนินงานของ ?บ้านปู เน็กซ์? รุดหน้านำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ และใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น โดยร่วมกับภูเก็ต พัชทรี ทัวร์ นำเรือ ?บ้านปู เน็กซ์ อีเฟอร์รี่? (Banpu NEXT e-Ferry) เรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทย มาให้บริการในเส้นทางภูเก็ต-พังงา ยกระดับการบริการด้านการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) รวมทั้งผลักดันสมาร์ทโมบิลิตี้ (Smart Mobility) อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ (Smart City) ส่งเสริมไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ให้หันมาใช้รถพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยนำโครงการ ?Banpu NEXT EV Car Sharing? มานำร่องเปิดจุดบริการระดับแฟล็กชิพแห่งแรก ?สามย่านมิตรทาวน์? ครบครันทั้งจุดรับ-คืนรถ และจุดชาร์จที่ใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งเดินหน้าขยายจุดบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
ล่าสุด บ้านปู เน็กซ์ ลงนามความร่วมมือครั้งสำคัญกับ ?ไทร เบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส? พัฒนา ?โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือโซลาร์ลอยน้ำ? (Solar Floating) กำลังการผลิตรวมสูงถึง 16 เมกะวัตต์ นับเป็นโครงการโซลาร์ลอยน้ำของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเสริมให้นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ. ระยอง ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ