บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แจ้งว่าตามที่บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้เสนอขายหุ้นสามัญของ SCGP ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,296,680,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งออกเป็น (1) การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,127,550,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก และ (2) การจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวน 169,130,000 หุ้น โดยบล.ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน) ได้ยืมหุ้นสามัญจำนวน 169,130,000 หุ้นดังกล่าวจากบริษัท เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้จองซื้อ
ทั้งนี้ ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินจะต้องดำเนินการจัดหาหุ้นจำนวนดังกล่าว โดยการซื้อหุ้นสามัญของ SCGP ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) หรือใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ SCGP จัดสรรไว้สำหรับการใช้สิทธิดังกล่าว รวมเป็นจำนวน 169,130,000 หุ้น ภายใน 30 วัน นับจากวันที่หุ้นของ SCGP เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อส่งคืนให้แก่บริษัท ซึ่งเป็นผู้ให้ยืมหุ้น ซึ่งระยะเวลา 30 วันดังกล่าวครบกำหนดในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563
ในการนี้ บริษัทได้รับแจ้งว่า ในช่วงระยะเวลา 30 วันดังกล่าว ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินได้ซื้อหุ้นสามัญของ SCGP ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมเป็นจำนวน 129,759,800 หุ้น และผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินได้แจ้งความประสงค์เพื่อใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 39,370,200 หุ้นจาก SCGP ในราคา 35 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาเดียวกันกับราคา IPO คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,377,957,000 บาท เพื่อส่งคืนให้แก่บริษัท
ทั้งนี้ SCGP จะดำเนินการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้จัดสรรหุ้นส่วนเกิน และจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการดังกล่าวต่อไป
อนึ่ง ภายหลังจากที่ SCGP ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว จากการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน และบริษัท ได้รับหุ้นคืนจากผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินแล้ว SCGP จะมีทุนชำระแล้วทั้งสิ้น 4,292,920,200 บาท และมีหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดจำนวน 4,292,920,200 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และจะส่งผลให้จำนวนหุ้นและสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงใน SCGP ของบริษัทฯ มีจำนวน 3,095,882,660 หุ้น คิดเป็น 72.1%