ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ ของบมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ JR เข้าซื้อขายใน SET กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และวันที่เริ่มทำการซื้อขาย วันที่ 30 พ.ย.63 โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 760 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 380 ล้านบาท
JR ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร และจำหน่ายอุปกรณ์รวมถึงบริการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5.50 บาท ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.63
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "JR" ในวันที่ 30 พ.ย.นี้
JR ดำเนินธุรกิจหลักเป็นผู้รับเหมาช่วงวางระบบ (Subcontractor) ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทจึงมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 6,170 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
บริษัทมีทุนชำระแล้ว 380 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 560 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขาย IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,100 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,180 ล้านบาท มีบล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR เปิดเผยว่า การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้นเพิ่มศักยภาพในการรับงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และแข่งขันต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องในอนาคตเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
JR มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มวิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ถือหุ้น 61.89% 2) กลุ่มอุทัยรัตน์ ถือหุ้น 7.10% และ 3) นายสมชาย ประพันจิตร ถือหุ้น 1.82% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) โดยราคาที่เสนอขายคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio :P/E) เท่ากับ 50 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62 -30 ก.ย.63 ที่ 0.11 บาท/หุ้น ซึ่งคำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted)
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย