บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) แจ้งว่าบริษัทเข้าซื้อหุ้นทั้ง 100% ในบริษัท Doan Son Thuy Investment JSC (DST) บริษัทจัดตั้งในเวียดนาม จากผู้ถือหุ้นเดิม 3 ราย เพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ (MW) ณ เมือง Hue ประเทศเวียดนาม มูลค่าการลงทุน 39.85 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1.26 พันล้านบาท โดยโครงการจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 15 ธ.ค.63
สำหรับการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้น DST ทั้ง 100% และในวันที่ 19 ต.ค. ได้อนุมัติให้บริษัทเข้าลงนามในเอกสารที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นเดิมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่
ทั้งนี้ DST ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phong Dien II ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับ Vietnam Electricity Corporation (VEC) ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff ที่ 0.0709 เหรียญสหรัฐต่อหน่วย เป็นเวลา 20 ปี และจะเริ่ม COD ในวันที่ 15 ธ.ค.63
สำหรับแหล่งเงินลงทุนในโครงการนี้จะมาจากเงินกู้จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ร่วมกับเงินลงทุนของบริษัทบางส่วน โดยการลงทุนครั้งนี้นอกจากจะขยายฐานการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการเติบโตทั้งในด้านสินทรัพย์และผลประกอบการของบริษัท
นอกจากนี้ยังเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของบริษัท ที่จะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ ความเสี่ยงจากการดำเนินงานต่ำ ตลอดจนสามารถสร้างแหล่งที่มาของรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว ส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการต่อปีประมาณ 150 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี ,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อปีประมาณ 120 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 20 ปี
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนามเป็นการปฏิบัติตามนโยบายส่งเสริมให้บริษัท ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"เมื่อได้ประเมินถึงพื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผลตอบแทนการลงทุน ผลการเข้าศึกษาทางด้านเทคนิค กฎหมาย บัญชีและการเงินแล้ว เห็นว่าโครงการฯ มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยส่งเสริมให้บริษัทมีอัตราการเติบโตทั้งทรัพย์สินและผลกำไรให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ที่สำคัญทำให้บริษัทมีจำนวนเมกะวัตต์สะสมเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้ และยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งคาดว่าน่าจะจบได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ อีก 1 โครงการ โดยปี 2563 รายได้และกำไรบริษัทยังคงเป้าตามที่ตั้งไว้" นางสาวโศภชา กล่าว