บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) แจ้งว่าบริษัท ไบร์ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ซื้อหุ้น 100% ใน บริษัท INT Energy Pte. Ltd. (INT) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ (MW) จังหวัด Tay Ninh ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งถือโดยบริษัท Tan Chau Energy Joint Stock Company (TCE) ด้วยมูลค่าการลงทุนโครงการจำนวน 47.14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1.47 พันล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 ต.ค.63 และเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.63 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นใน INT จากเดิม บริษัท Sungrow Power (Singapore) Pte. Ltd. เป็น บริษัท ไบร์ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด ขณะที่ INT ถือหุ้นบริษัท TCE ในสัดส่วน 99.90%
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Tan Chau เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับ Vietnam Electricity (EVN) ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff ที่ 0.0709 เหรียญสหรัฐ/หน่วย เป็นระยะเวลา 20 ปี โดยได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63
การเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท INT เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม นอกจากจะเป็นการขยายฐานการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการเติบโตทั้งในด้านสินทรัพย์และผลประกอบการของบริษัท
การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ นับเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของบริษัท ในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำ และมีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัท เล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานต่ำ ตลอดจนสามารถสร้างแหล่งที่มาของรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับแหล่งเงินลงทุนครั้งนี้ บริษัทจะได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ร่วมกับเงินลงทุนของบริษัทบางส่วน
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามรวม 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ โดยปีนี้บริษัทได้ใช้งบลงทุนไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองโอกาสในการลงทุนในเวียดนามเพิ่มในปี 64
"คณะกรรมการบริษัทได้ประเมินถึงพื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผลตอบแทนการลงทุน ผลการเข้าศึกษาทางด้านเทคนิค กฎหมาย บัญชี และการเงินแล้ว เห็นว่าโครงการมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังสามารถสร้างผลตอบแทน อัตราการเติบโตของสินทรัพย์ และผลกำไรให้กับบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการต่อปีประมาณ 180 กว่าล้านบาทตลอดระยะเวลา 20 ปี"นางสาวโศภชา กล่าว