บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) แจ้งการพิจารณาจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด รวมถึงการ ออกหุ้นกู้แปลงสภาพไม่เกิน 1 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มทุนรองรับ
เรื่อง : จ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ : 11 ม.ค. 2564 ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 27 ม.ค. 2564 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 26 ม.ค. 2564 จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายหุ้นปันผล(หุ้นเดิม :หุ้นปันผล) : 10 : 1 อัตราการจ่ายปันผลเป็นหุ้น (บาทต่อหุ้น) : 0.10 อัตราการจ่ายหุ้นปันผล คำนวณจาก : มูลค่าที่ตราไว้ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.05 อัตราการจ่ายปันผลรวม (บาทต่อหุ้น) : 0.150000000000 การชดเชยกรณีเศษหุ้นเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.10 มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 1.00 วันที่จ่ายปันผล : 17 มี.ค. 2564 จ่ายปันผลจาก : กำไรสะสม
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.พ. เพื่อ พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกใหม่ของบริษัท (หุ้นกู้แปลงสภาพ) โดยมีมูลค่าการเสนอขายรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ได้แก่ Advance Opportunities Fund (AO Fund) และ Advance Opportunities Fund 1 (AO Fund 1)
หุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 (Tranche 1) มีมูลค่าไม่เกิน 200 ล้านบาท , ชุดที่ 2 (Tranche 2) มีมูลค่าไม่เกิน 250 ล้านบาท , ชุดที่ 3 (Tranche 3) มีมูลค่าไม่เกิน 250 ล้านบาท และชุดที่ 4 (Tranche 4) มีมูลค่าไม่เกิน 300 ล้านบาท โดยบริษัทจะทยอยออกหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นชุดๆ ทีละชุดตามลำดับ และในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพในแต่ละชุด บริษัทจะทยอย ออกเป็นชุดย่อยแต่ละชุดตามความต้องการใช้เงินในแต่ละคราว ซึ่งหุ้นกู้แต่ละชุดมีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ย เป็นรายไตรมาสนับจากวันที่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ
ทั้งนี้ บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 939.05 ล้านบาท จากเดิม 700 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 239.05 ล้านหุ้น พาร์หุ้น ละ 1 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล และการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ
นายธนากร ธนวริทธิ์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ของ ALL กล่าวว่า การลงนามในข้อเสนอเบื้องต้นกับ ทางกองทุนต่างประเทศ AO Fund จากสิงคโปร์ ในรูปแบบของหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าว เพื่อรองรับการขยายกิจการและเตรียมพร้อม สำหรับโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการควบรวมหรือการซื้อกิจการอื่น ๆ หนุนให้บริษัทเพิ่มศักยภาพใน การแข่งขันและการต่อยอดธุรกิจ และเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์ในมือของบริษัท
อีกทั้งยังทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำในอัตรา 2% ต่อปีจากกองทุนต่างประเทศดังกล่าวเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย ลงซี่งจะทำให้ผลกำไรของบริษัทในอนาคตปรับตัวขึ้นค่อนข้างแน่นอน ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรกของปี 63 มีภาระดอกเบี้ยจ่ายในอัตราที่สูง ถึง 8.98% ของรายได้รวม
"หากได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากทางกองทุนต่างประเทศในครั้งนี้ก็จะเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งบริษัท ทีมงาน และผู้ถือ หุ้นของบริษัท ที่มองเห็นโอกาสในวิกฤติโควิด-19 ที่เห็นอสังหาริมทรัพย์ในทำเลใจกลางเมืองหลายแห่งที่ออกมาเสนอขายในราคาที่ไม่เคย เห็นมาก่อนและหากพ้นภาวะโควิด-19 ไปแล้วก็จะไม่สามารถหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาดังกล่าวได้อีก ซึ่งหากบริษัทมีสภาพคล่องทางการ เงินที่ดีและมีเงินทุนที่จะสนับสนุนจากกองทุนต่างประเทศจำนวนมากก็จะทำให้บริษัท สามารถทำกำไรในช่วงวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ได้ ซึ่ง จะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทอีกด้วย"นายธนากร กล่าว