หุ้น EA หรือ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ เริ่มกลับเข้าสู่จอเรดาห์ของผู้ลงทุนอีกครั้ง หลังจากราคาหุ้นฟื้นตัวอย่างโดดเด่นนับตั้งแต่ปลายปี 2563 เกิดความคาดหวังถึงโอกาสที่ราคาจะทะยานทำ All Time High รอบใหม่จากที่เคยแตะจุดสูงสุดที่ 71.25 บาทเมื่อช่วงต้นปี 61
ในวันนี้ธุรกิจ EA นอกเหนือจากการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรายใหญ่แล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังถูกจับตามองนั่นคือธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และ Energy Storage ที่กำลังส่งสัญญาณเป็นธุรกิจดาวรุ่งจะสร้าง New-s cuve ให้กับ EA ได้มากน้อยแค่ไหนในอนาคตอันใกล้นี้
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า สาเหตุของราคาหุ้น EA ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น ส่วนหนึ่งเกิดจากความชัดเจนในการพัฒนา Ecosystem ธุรกิจเกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าเฟสแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะเดียวกันคาดว่าได้รับแรงบวกจากกระแสหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น เชิงพื้นฐานบริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจใหม่ที่กำลังเริ่มเดินหน้าจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดีในระยะถัดไป
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 4 ปีทีผ่านมาบริษัทใช้เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทเพื่อสร้าง Ecosystem ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย การร่วมกับพันธมิตรดำเนินการขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้า, โรงงานผลิต Energy Storage ,โรงประกอบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า เป็นต้น ล่าสุดบริษัทเริ่มให้บริการเรือไฟฟ้าโดยมีเป้าหมายแรกต้องการเพิ่มขนาดกองเรือไฟฟ้าเป็น 27 ลำ ขณะที่โรงงานผลิต Energy Storage เฟสแรก 1 GWh คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/64 ถัดมาเป็นโรงประกอบรถบัสไฟฟ้าคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 2/64 ทำให้การพัฒนา Ecosystem เฟสแรกจะเสร็จสมบูรณ์ในครึ่งแรกของปีนี้
ดังนั้น ในปี 64 จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไรอย่างชัดเจนจากการลงทุน แต่ช่วงแรกจะเป็นลักษณะการเติบโตที่ไม่หวือหวามากนัก เบื้องต้นคาดว่าในปี 64 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Ecosystem ของยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 10-20% เมื่อเทียบกับฐานรายได้รวมทั้งปี อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมจะเป็นตัวแปรสำคัญผลักดันผลประกอบการบริษัทกลับมาเติบโตได้โดดเด่นอีกครั้งแน่นอน
สำหรับแผนระยะยาว 5 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนพัฒนาไลน์การผลิต Energy Storage เพิ่มขึ้นเป็น 50 GWh แม้ว่าในเฟสแรก 1 GWh จะรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ในอนาคตเชื่อว่าภาพของอุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จำเป็นต้องใช้หันมาใช้ Energy Storage เข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ดังนั้นถ้ามองภาพระยะยาวสัดส่วน Energy Storage ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าอาจเป็นแค่ 10% และที่เหลืออีก 40% เป็นการเข้าไปใช้อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนก็เป็นไปได้
นายอมร กล่าวถึงกระแสที่ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ส่วนตัวมองว่าเป็นผลดีที่ช่วยกระตุ้นตลาดให้เติบโต เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ไม่ได้มองเป็นผลกระทบด้านลบที่จะเข้ามาแย่งชิงฐานลูกค้าหรือส่วนแบ่งทางการตลาด เพราะหากรัฐบาลมีมาตรการเข้ามาสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมเชื่อว่าความต้องการของผู้บริโภคจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่กระแสข่าวว่า TESLA ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของโลกจะเข้ามาขยายฐานการผลิตในไทยนั้น ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ TESLA กำลังมองประเทศไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือก ซึ่งระยะสั้นบริษัทจะพยายามพัฒนาในทุกๆ มิติเพื่อเป็นตัวเลือกในการเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดหาก TESLA เข้ามาลงทุนในไทย
https://youtu.be/EtguTiNI6Ds