นายมาซาโอะ มิซูโน กรรมการผู้จัดการ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปี หลังจากบริษัทได้ดำเนินการออกหุ้นกู้ในเดือนมิถุนายน และ กรกฎาคม 2548 รวมทั้งสิ้น 1,320 ล้านบาท ตามลำดับ
ซึ่งเป็นผลมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในปี 2548 ที่อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกันในวงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือเพื่อทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด จึงยังคงเหลือวงเงินในการออกหุ้นกู้ได้อีกประมาณ 3,680 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 ถึง วันที่ 20 สิงหาคม 2550 ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น โดยคิดเป็น เงินปันผลจ่ายจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกในเป็นจำนวนเงินรวม 250 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 43.04
โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 5 ตุลาคม 2550 เวลา 12.00 น. และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ตุลาคม 2550
คณะกรรมการยังมีมติอนุมัติให้ ลงทุนโดยซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ PT. AEON Credit Service Indonesia Company โดยเป็นบริษัทย่อยของบริษัท AEON Credit Service (ญี่ปุ่น) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือในสัดส่วน 35.12%
**เตรียมแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์งวดใหม่อีกไม่เกิน 3.5 พันลบ.
พร้อมกันนั้น คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ขายลูกหนี้การค้า จำนวนไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท เพื่อในทำในโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์และจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งเป็นบริษัทจำกัดจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ชื่อ บริษัท อีเทอนอล 5 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด ในฐานะ บริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ มีทุนจดทะเบียน 40,000 บาท แบ่งเป็น 400 หุ้น มูลค่าหุ้น ๆ ละ 100 บาท
บริษัทจะจองซื้อหุ้นของบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ จำนวน 104 หุ้นตามมูลค่าที่ตราไว้ เป็นเงิน 10,400 บาท คิดเป็นร้อยละ 26 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้สำหรับการซื้อหุ้นของบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ มาจากเงินสดของบริษัท
บริษัทคาดหวังจะได้รับจากการลงทุนครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการนำบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจมาใช้ในการแปลงสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้เป็นหลักทรัพย์ และ เพื่อรับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล นอกเหนือเพื่อใช้ในการดำเนินการขยายธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคได้
ทั้งนี้ บัญชีลูกหนี้ดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.24 ของ สินทรัพย์รวมของบริษัท หรือร้อยละ 14.70 ของลูกหนี้การค้าทั้งหมดของบริษัท การขายบัญชีลูกหนี้โดยบริษัทให้กับบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ จะเป็นการขายแบบไม่สามารถไล่ เบี้ยเอากับบริษัทได้
บริษัทอยู่ในระหว่างการเตรียมการเพื่อยื่นขออนุมัติจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำหรับการ
แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ภายใต้กฎหมายการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ รวมถึงอยู่ในระหว่างการเจรจากับฝ่ายต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแปลงสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้เป็นหลักทรัพย์ ในการดำเนินการเพื่อให้โครงการแปลงสินทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์บรรลุผลนั้น บริษัทไม่ได้เข้าทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ อันเป็นลักษณะรายการที่เกี่ยวโยงกัน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--