บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัท Banpu Power Investment Co., Ltd (BPIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่BPP ถือหุ้น 100% ได้ลงนามในสัญญาเพื่อลงทุนในบริษัท Nakoso IGCC Management Co., Ltd (NIMCO) ที่สัดส่วน 33.5% โดยบริษัท NIMCO ถือหุ้น 40% ในโรงไฟฟ้า Nakoso Integrated Gasification Combined Cycle (IGCC) ขนาด 543 เมกะวัตต์ ณ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มูลค่าการลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านบาท โดยการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.64
โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC พัฒนาขึ้นภายใต้การร่วมทุนของ 5 บริษัท (Joint venture partners) โดยมีบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น พาวเวอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้พัฒนาหลักในการนำเทคโนโลยี Integrated Gasification Combined Cycle ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงโดยเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการแปลงสถานะถ่านหินให้เป็นก๊าซ (Gasification) กับ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (Gas Fired Combined Cycle Plant)เข้าด้วยกัน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวมีการศึกษาวิจัยเพื่อการพัฒนามากว่า 30 ปี
และโรงไฟฟ้า Nakoso เป็นโรงไฟฟ้า IGCC ที่มีการพัฒนามาเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Commercial scale) ซึ่งมีประสิทธิภาพของการผลิตไฟฟ้าที่สูง และลดการปล่อยมลภาวะให้อยู่ในระดับต่ำ (HELE) โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือน เม.ย.64 โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งของประเทศตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาว และมีสัญญาการจัดหาเชื้อเพลิงระยะยาวเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 68 โดยมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในตลาดที่มีความเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าและมีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BPP เปิดเผยว่า การเข้าซื้อโรงไฟฟ้า Nakoso IGCC นับเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่ความสำเร็จของการขยายพอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่างสมดุล เราได้บริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมาอย่างยาวนานเป็นผู้ร่วมทุน ที่สำคัญ การลงทุนครั้งนี้นับว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว รวมถึงมีสัญญาจัดหาเชื้อเพลิงระยะยาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังได้นำจุดแข็งของแต่ละพันธมิตรมาใช้ในการบริหารโครงการตามโครงสร้างเพื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังสอดรับกับยุทธศาสตร์ของ BPP ที่มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในโครงการที่ใกล้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Brownfield) ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที เน้นการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ในตลาดที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าให้เติบโตตามเป้าหมายอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง"
โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC ถือเป็นโรงไฟฟ้า IGCC แห่งแรกที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Scale) ที่ใหญ่ที่สุด ณ ปัจจุบัน ภายใต้การร่วมทุนของ 5 บริษัท (Joint Venture Partners) โดยมีบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น เพาเวอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้พัฒนาหลัก โดยใช้เทคโนโลยี IGCC ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า HELE เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการแปลงสถานะถ่านหินให้เป็นก๊าซ (Gasification) กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (Gas Fired Combined Cycle Plant) เข้าด้วยกัน ทำให้โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนตันของถ่านหินที่ใช้เท่ากัน ตลอดจนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าที่ผ่านการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนามานานว่า 30 ปี
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า Nakoso IGCC จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งของประเทศญี่ปุ่นตามสัญญา PPA ระยะยาว และมีสัญญาการจัดหาเชื้อเพลิงระยะยาวเช่นกัน คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าดังกล่าวภายในเดือนเม.ย.64 และจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/64
"บ้านปู เพาเวอร์ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปในประเทศที่กลุ่มบ้านปูดำเนินธุรกิจอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ" นายกิรณ กล่าว