บมจ.ปตท. (PTT) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจไฟฟ้าของ ปตท. โดยให้ ปตท. และบริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์ โฮลดิ้ง จากัด (SMH) (SMH เป็นบริษัทย่อยของ ปตท.) ซื้อหุ้นสามัญบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) จากบมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) จำนวน 358,936,756 หุ้น หรือประมาณ 12.73% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ GPSC ในราคา 70 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า รวมประมาณ 25,126 ล้านบาท (ธุรกรรมการปรับโครงสร้างฯ)
ณ วันที่เปิดเผยสารสนเทศฉบับนี้ ปตท. SMH และ PTTGC อยู่ระหว่างเจรจาและจัดทำสัญญาซื้อขายหุ้น GPSC โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาดังกล่าวภายในเดือนพฤษภาคม 2564
การเข้าซื้อหุ้น GPSC ข้างต้นจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นได้สำเร็จเสร็จสิ้น ซึ่งเงื่อนไขบังคับก่อนดังกล่าวรวมถึงการได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ของ PTTGC
ทั้งนี้ ราคาซื้อขายดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สะท้อนถึงผลกระทบจากการจ่ายเงินปันผลของ GPSC และภาระภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องจากการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว
ปัจจุบัน ปตท. ถือหุ้น GPSC ในสัดส่วน 31.72% และ PTTGC ถือหุ้น GPSC ในสัดส่วน 22.73% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยภายหลังธุรกรรมการปรับโครงสร้างฯ ดังกล่าว ปตท. และ SMH จะถือหุ้น GPSC ในสัดส่วนรวม 44.45% และ GC จะถือหุ้น GPSC ในสัดส่วน 10.00% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด การปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าของ ปตท. ผ่านบริษัท Flagship ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการ PTTGC มมติเห็นชอบให้บริษัทขายหุ้นสามัญของ GPSC ให้แก่ PTT จำนวน 305,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10.82% และ SMH จำนวน 53,936,756 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1.91% จำนวนทั้งหมด358,396,756 หุ้น คิดเป็น 12.73% ในราคาหลังปรับปรุงเงินปันผลจะมีราคาหุ้นละ 70 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 25,126 ล้านบาท
บริษัทฯ คาดว่าการเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้นจะส่งเสริมให้บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้รับประโยชน์ เนื่องจากการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งมุ่งเน้นในธุรกิจหลักในกลุ่มปิโตรเคมีและสอดคล้องกับนโยบายในการเป็นแกนนำของธุรกิจเคมีภัณฑ์ (Chemical Flagship) ของกลุ่ม PTT โดยการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯได้รับกระแสเงินสดเป็นจำนวนประมาณ 25,126 ล้านบาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายและภาระภาษีเงินได้ที่เกิดจากการเข้าทำธุรกรรม) ซึ่งเป็นการส่งเสริมสภาพคล่องและฐานะการเงินของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
บริษัทฯ มีแผนจะนำเงินที่ได้รับจากการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายหุ้นไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและ/หรือรองรับการขยายธุรกิจของตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ