BLS แจง Q3/50 กำไรโต 166.8% จากรายได้ค่านายหน้าเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 31, 2007 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) ชี้แจงถึงสาเหตุของกำไรสุทธิก่อน
สอบทานในไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 67.09 ล้านบาท ในขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2549 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 25.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 166.8 ทั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจำนวน 103.61 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 70.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 89.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 62.9 อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์และส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัท อัตราค่านายหน้าเฉลี่ยของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2550 ลดลงเมื่อเทียบกับอัตราค่านายหน้าเฉลี่ยในไตรมาส 3 ปี 2549 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นในส่วนของการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งมีอัตราค่านายหน้าที่ต่ำกว่า ซึ่งได้แก่ การซื้อขายหลักทรัพย์ทางอินเทอร์เน็ตและจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของคู่ค้าต่างประเทศของบริษัท (Exclusive Partner) ทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่ำกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากมูลค่าการซื้อขาย SET50 Index Futures ที่มากขึ้น โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ได้เพิ่มสูงขึ้นนับจากเริ่มดำเนินการไตรมาส 2 ปี 2549
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเท่ากับ 12.86 ล้านบาท ลดลงจากรายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวนเท่ากับ 17.15 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ที่ลดลงของธุรกิจวาณิชธนกิจ ทั้งนี้เนื่องจากยังไม่มีผลงานหลักออกมาในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ในส่วนนี้จะลดลง แต่ก็ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนส่วนบุคคลในไตรมาสนี้
กำไร(ขาดทุน)จากการซื้อขายหลักทรัพย์ มียอดสุทธิเป็นผลกำไรจำนวน 2.98 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการตีราคาหลักทรัพย์ ณ วันสิ้นงวด ดอกเบี้ยและเงินปันผล: เพิ่มขึ้น 1.06 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับที่ได้รับจากเงินหลักประกันของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น 2.41 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ยซึ่งจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับเงินที่ลูกค้านำมาวางเป็นหลักประกันการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลงสุทธิ 8.40 ล้านบาท โดยการลดลงดังกล่าวมาจากค่าที่ใช้จ่ายที่ลดลงอันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญารับการสนับสนุนทางด้านการวิจัยเป็นหลัก ซึ่งสัญญานี้ได้ถูกทดแทนโดยสัญญาการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในลักษณะคู่ค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2550 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสุทธิ 56.73 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในส่วนของรายได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ