ASL เผย Q3/50 พลิกกำไร เหตุมีกำไรซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นจากที่เคยขาดทุน

          นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.แอ๊ดคินซัน(ASL)ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3/50 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 โดยบริษัทได้บันทึกรายการกำไรสุทธิ จำนวน 42.94 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ได้บันทึกรายการขาดทุนสุทธิ จำนวน 371.39 ล้านบาท 
          สาเหตุหลักมาจากมีรายได้รวมอยู่ที่ 218.42 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ค่านายหน้าจำนวน 167.76 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจำนวน 4.51 ล้านบาท กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์จำนวน 2.37 ล้านบาท รายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลจำนวน 31.61 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ จำนวน 12.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 321.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 311.01 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวมติดลบ 103.51 ล้านบาท
          ทั้งนี้ รายได้ค่านายหน้า เพิ่มขึ้น 57.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.68 เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 109.88 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าธรรมเนียมและบริการ เพิ่มขึ้น 4.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 2,273.68 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 0.19 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยได้รับรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จำนวน 4.22 ล้านบาท 
          กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 255.62 ล้านบาท หรือร้อยละ 100.94  โดยมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 277.45 ล้านบาท และขาดทุนจากการตีราคาหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 21.83 ล้านบาท  และ รายได้ดอกเบี้ยรับและเงินปันผล และดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ลดลง 7.41 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.99 เป็นผลมาจากดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากบริษัทได้เล็งเห็นแนวโน้มการลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในตลาด จึงได้มีการบริหารและจัดสรรเงินของบริษัทที่เหลืออยู่ไปในทางที่ให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด
          ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้มีการให้เงินกู้ยืมเพื่อการซื้อหลักทรัพย์ รายได้อื่น ๆ 12.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.52 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,772.31 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 0.65 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับชำระหนี้ตั๋วแลกเงินจากบจก.อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำนวน 9 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าสำหรับตั๋วแลกเงินดังกล่าวแล้วในปีที่ผ่านมา
          ค่าใช้จ่ายสำหรับไตรมาส 3 มีจำนวน 175.48 ล้านบาท ลดลง 92.40 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.49 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 267.88 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากในปี 2549 บริษัทได้มีการควบรวมและปิดสำนักงานสาขาจำนวน 23 แห่ง และในปี 2550 อีก 3 แห่ง นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับปรุงและพัฒนาด้านการบริหารบุคลากรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นพร้อมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทำให้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของบริษัทลดลง