แม้ว่าตลอดกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น บมจ.แสนสิริ (SIRI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นภายหลังจากประกาศแผนเข้าลงทุน ใน บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) สัดส่วน 15% ผ่านการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) หรือคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนกว่า 2 พัน ล้านบาท แต่จากการสำรวจบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังคงมูลค่าพื้นฐานหุ้นต่ำกว่าราคาบนกระดานซื้อขายอย่างมาก กลายเป็นข้อ สังเกตถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของ SIRI ในอนาคตว่าจะสอดคล้องกับราคาหุ้นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่คาดหวังได้แค่ไหน ??
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) ทิสโก้ ขาย 0.90 โนมูระ พัฒนสิน Reduce 0.95 บัวหลวง ซื้อ 1.60 ธนชาต ขาย 0.80 กสิกรไทย Neutral 1.22 ดีบีเอสวิคเคอร์ส Fully-Valued 1.03 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ถือ 1.15 ไทยพาณิชย์ Neutral 0.84 บล.เอเชียเวลท์ ขาย 0.85 เอเซีย พลัส ขาย 0.95
*เปิดแนวคิดโมเดลธุรกิจมองข้ามช็อตนักวิเคราะห์
จากประเด็นดังกล่าว นางสาววรางคณา อัครสถาพร ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน SIRI เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ราคาหุ้น SIRI กลับมาได้รับความสนใจช่วงนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากความเชื่อมั่นในกลุ่มอสังหาฯ ที่ดีขึ้นหลังจากซื้อขายบน P/E ระดับ ต่ำมานาน ขณะเดียวกันนักลงทุนคงให้คุณค่ากับธุรกิจใหม่ที่บริษัทเข้าไปลงทุนใน บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) กลุ่มธุรกิจการเงินและ หลักทรัพย์ที่มุ่งเน้นใน Digital Financial Service
โดยปกติบริษัทจะมีการพบกับนักวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลทุกไตรมาส ครั้งล่าสุดที่พบกันหลังจากประกาศการลงทุนใน XPG ซึ่งนักวิ เคราะห์ำได้สอบถามถึงผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการ เนื่องจาก ต้องการรอทีมบริหาร XPG แถลงรายละเอียดในการประชุมผู้ถือหุ้น XPG ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ หลังจากมีทิศทางแผนงานชัดเจนออกมาจาก XPG แล้ว ซึ่งเชื่อว่านักวิเคราะห์คงจะหยิบตัวเลขต่างๆ เข้ามารวมในประมาณการใหม่ของ SIRI ด้วย
"แม้ว่าระยะแรกมองเห็นเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้กับผลประกอบการในอนาคต ภายหลังจากนี้ความร่วมมือกับ XPG ก็จะ มีออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าการดำเนินธุรกิจร่วมกับ XPG ไม่ได้พูดแบบลอยๆ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างเป็นรูปธรรมคาดว่าช่วง 2-3 เดือนนี้น่าจะเห็นความชัดเจนของการเดินหน้าแผนงานในมิติต่างๆมากขึ้น"นางสาววรางคณา กล่าว
*จุดเริ่มต้นร่วมลงทุน XPG เข้าสู่โลกการเงินยุคดิจิทัล
และจากสังคมเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการเงินและการลงทุน บริษัทก็ได้มีการศึกษาโอกาสในการลงทุนที่เกี่ยว ข้องกับธุรกิจการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทในด้านการเงินและการลงทุนมากขึ้นในอนาคต ปัจจุบันคนก็เริ่มให้ความสนใจ ในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทำให้บริษัทตัดสินใจใน บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ ผู้ให้ บริการทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันกับโลกการเงินดิจิทัล หรือ Digital Financial Service ซึ่งบริษัทจะเข้าไป ถือหุ้นใน XPG ในสัดส่วน 15% ผ่านการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) โดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท
"เราเริ่มมองการ Diversify ธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว ตั้งแต่เราเริ่มมีการลงทุนใน The Standard, Just-Co และสิริ เวนเจอร์ มาก่อนหน้านี้ และตอนนี้เราเห็นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มมีความนิยมมากขึ้น และจะมีบทบาทมากขึ้นวงการการเงินและการ ลงทุนทั่วโลกในอนาคต รวมถึงไทยด้วย ซึ่งจะเห็นว่าตอนนี้คนหันมาสนใจ Cryptocurrency มากขึ้น สะท้อนจากมูลค่าของเหรียญคริปโท ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็มองเห็นโอกาสในการนำมาใช้ต่อยอดธุรกิจ
และก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเป็นแหล่งเงินทุนให้กับบริษัทได้ การออกโทเคนที่มี Real estate backed ที่ยังอยู่ใน กระบวนการ ซึ่งเราก็ต้องทำให้คนอื่นๆ เห็นและยอมรับก่อน ถ้าเราทำออกมาให้เห็นได้จริงแล้ว ก็จะมีคนอื่นสนใจมาใช้บริการต่างๆ กับ ทาง XPG ก็ทำให้แสนสิริได้ประโยชน์ได้ด้วย แต่ประโยชน์ที่แสนสิริจะได้รับก็ยังไม่ได้เข้ามาเร็ว ก็ต้องรอโครงการต่างๆของ XPG เดิน หน้าออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมก่อน ประมาณ 2-3 ปี ถึงจะเห็นว่าสิ่งที่แสนสิริคิดไว้สามารถต่อยอดการเติบโตให้กับบริษัทออกมาได้อย่างแน่ นอน"นางสาววรางคณา กล่าว
*เดินเกมซื้อหนี้บริหาร จ่อคลอด ICO ตัวแรก "SIRIHUB"
สำหรับโปรเจ็คต์แรกของ SIRI ที่ได้ร่วมมือกับ XPG คือ การการออกโทเคน ICO "SIRIHUB" (สิริฮับ) มูลค่าการระดม ทุน 2.4 พันล้านบาท โดยใช้อาคารสิริ แคมปัส เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 บริษัทในเครือของ XPG ได้ยื่นแบบแสดง รายการข้อมูลการเสนอขาย (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอยู่ระหว่างการ เตรียมความพร้อมในการนำเสนอขายโทเคน ICO "SIRIHUB"
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับ XPG ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) โดย XPG มีใบอนุญาตในธุรกิจดังกล่าวอยู่ แล้ว ล่าสุดได้เข้าประมูลหนี้จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารมูลค่าราว 100-150 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาเสริมรายได้ให้ กับ XPG และบริษัทยังได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากธุรกิจดังกล่าวของ XPG หากมีทรัพย์ที่เป็น NPA ที่น่าสนใจบริษัทก็สามารถนำมาพัฒนา ต่อยอดได้ด้วยเช่นกัน
"ความชัดเจนในการเพิ่มทุนของ XPG ซึ่งบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 15% หรือใช้เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาทนั้น ยังคง ต้องรอการประชุมผู้ถือหุ้นของ XPG ในการพิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนในช่วงต้นเดือนก.ค.64 และหากผู้ถือหุ้น XPG อนุมัติแล้วก็สามารถเดินหน้า การเพิ่มทุน และร่วมกับ XPG ในการต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้อย่างเต็มที่ คาดว่าทางผู้บริหารของ XPG จะมีการประกาศแผนการดำเนินงาน และโครงการที่จะทำอีกครั้งหลังจากการผู้ถือหุ้นของ XPG อนุมัติการเพิ่มทุนแล้วในการประชุมผู้ถือหุ้นเดือน ก.ค.64 ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นและ นักลงทุนของแสรสิริ และ XPG เห็นภาพโครงการต่างๆที่จะทยอยออกมาชัดเจนมากขึ้น"นางสาววรางคณา กล่าว
*รับศึกษาเป็น "โฮลดิ้งส์" ดันรายได้นอกเหนืออสังหาฯแตะ 20-25%
นางสาววรางคณา กล่าวอีกว่า บริษัทมองว่าการกระจายออกมาในธุรกิจอื่นๆ นั้น ในอนาคตการทำให้ SIRI เป็นรูปแบบโฮ ลดิ้งส์เป็นหนึ่งในโมเดลที่บริษัทศึกษาอยู่ เพราะปัจจุบันบริษัทมองถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้มองหาโอกาสการลงทุนอื่นๆ ที่จะเข้ามา เสริมการเติบโตให้กับ SIRI อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3-5 ปีนี้สัดส่วนรายได้ของ SIRI จะมาจากธุรกิจอื่นๆเพิ่มขึ้นมาเป็น 20-25% จากปัจุบันที่มีอยู่น้อยมาก และสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักที่เป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายจะลดลงมาที่ 70-75% จากปัจจุบันที่มีสัด ส่วนเกือบ 100%
*พ้นยุค "วิกฤติโควิด" เดินเกมรุก "อสังหา" ครึ่งปีหลัง
นางสาววรางคณา กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายของบริษัทในปี 64 ค่อนข้างมีความแตกต่าง จากปี 63 ที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงปีที่ผ่านมาจากแรงกดดันของสถานการณ์แพร่ ระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนไม่ได้ตั้งตัวเตรียมพร้อมรับมือมาก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 3 ในประเทศ แต่ผู้ประกอบการและประชาชนก็ได้เรียนรู้ และรับมือได้ดีขึ้นแล้ว ทำให้แรงกดดันในปี 64 ลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก อีกทั้งทางการยังเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนได้ มากขึ้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา และคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินงานของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายของ SIRI ในปี 64 จะเดินหน้าเปิดโครงการใหม่มากขึ้น จากปีก่อนที่ได้ชะลอแผนงานไปและเน้นการทำโปรโมชั่นระบายสต็อกเป็นหลัก แต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจึงวางแผนเปิดโครงการใหม่ไว้ ที่ 23-24 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3 หมื่นล้านบาท เน้นโครงการแนวราบที่ยังคงมีความต้องการซื้ออยู่มาก
บริษัทยังคงมองเห็นโอกาสในการขายโครงการแนวราบที่จะเข้ามาช่วยสร้างยอดขายและรายได้สนับสนุนผลการดำเนินงาน ของบริษัทในปีนี้ โดยที่แบรนด์แนวราบที่บริษัทจะเน้นการเปิดขายในปีนี้จะอยู่ในกลุ่มราคาระดับกลาง-บน สามารถจับต้องได้ง่าย ได้แก่ SIRI PLACE และ อณาสิริ เป็นต้น
ขณะที่คอนโดมิเนียมที่จะเปิดขายในปีนี้จะเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ยังมีความต้องการอยู่อาศัยระดับราคาที่จับต้องได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถก่อสร้างและโอนได้เร็ว เพื่อทำให้สร้างรายได้เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว โดยเปิดแบรนด์ใหม่ คือ The MUVE เป็นคอนโดมิเนียมระดับราคาล้านกลางๆ ซึ่งมีทำเล ขนาดห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์กลุ่มลุกค้าคนรุ่นใหม่
โครงการที่เปิดไปแล้ว ได้แก่ โครงการ The MUVE เกษตร มูลค่า 482 ล้านบาท และปิดการขายไปแล้วเรียบร้อย พร้อม เตรียมเปิดขายอีก 2 ทำเล คือ The Muve ราม 22 และ The Muve บางนา ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.64 ส่วนอีกหนึ่งโครงการที่เหลือ คือ The Muve รัชดา คาดว่าจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง
"ลูกค้าต่างชาติยังคงต้องรอสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลงชัดเจน และเริ่มมีการเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทาง เข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น โดยที่บริษัทยังคงมองว่าลูกค้าชาวต่างชาติยังคงมีความต้องการและความชอบที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศ ไทยอยู่มาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพราะถือว่ายังมีราคาถูกกว่าเมืองหลวงในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งกรุงเทพฯยังมีสิ่ง อำนวยความสะดวกต่างๆที่ครบครัน มีอาหารการกินต่างๆครบถ้วน และยังให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่ดี
แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องมีการปรับกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อดึงดูดและจูงใจให้ลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศมาก ขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้าของผู้ประกอบการ และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นได้"นางสาววรางคณา กล่าว
*มั่นใจรายได้-ยอดขายเข้าเป้า 3.1 หมื่นลบ. เสริมพอร์ตรายได้ประจำ
นางสาววรางคณา กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานปีนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ทั้งยอดขาย และรายได้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท หลังจากได้ปรับเพิ่มขึ้นมาจากช่วงต้นปีที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และรายได้ 2.7 หมื่นล้าน บาท
อีกทั้งบริษัทยังคงมีการเดินหน้าต่อยอดสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน เช่น ในปี 60 ได้เข้าลงทุนในบริษัท Standard International Holdings หรือเชนโรงแรม The Standard ซึ่งปัจจุบัน SIRI ถือหุ้นราว 59% โดยจะมีการเปิด โรงแรมในประเทศไทยเป็นแห่งแรกด้วยการรับบริหารโรงแรมในอาคารมหานครของกลุ่มคิงพาวเวอร์ คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลาย ปีนี้ และอีกแห่งที่อยู่ระหว่างการเตรียมพัฒนา คือ โรงแรมในหัวหิน มูลค่า 1 พันล้านบาท ประกอบกับยังมีการลงทุน Just-Co ที่เป็น Co- Working space ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจจะเข้ามาเสริมรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัท
https://www.youtube.com/watch?v=cWBA_1-uK38