บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 340,739,842 บาท จากเดิม 681,479,688 บาท เป็น 1,022,219,530 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 340,739,842 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (TRUBB-W2) โดยเป็นการเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน จำนวน 272,591,874 หุ้น และการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 68,147,968 หุ้น ไม่เกินร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวน 136,295,937 หุ้น อัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาขาย 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 299,851,061.40 บาท และอีกจำนวน 136,295,937 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ TRUBB-W2 เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยมีอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วย TRUBB-W2 ไม่คิดมูลค่า อายุ 3 ปี ราคาใช้สิทธิ 6.00 บาท/หุ้น
บริษัทกำหนดให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นพร้อม TRUBB-W2 (Record Date) ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 และกำหนดวันจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2564 ถึงวันที่ 8 กันยายน 2564 ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 15.00 ในวันทำการของบริษัทฯ
บริษัทมีความจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุน ซึ่งไม่เป็นภาระกับผู้ถือหุ้นเดิมเกินกว่าความจำเป็น และเพื่อให้ได้เงินทุนเพียงพอในการบริหารงาน โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อจะช่วยให้บริษัทฯ มีฐานเงินทุนที่เข้มแข็ง พร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต โดยมีโครงการ 1) ขยายธุรกิจน้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูป จำนวนเงิน 99.85 ล้านบาท 2)เพื่อใช้เป็นเงินทุนให้กับธุรกิจการผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง จำนวน 200 ล้านบาท นอกจากนี้ได้เตรียมทุนเพื่อสำรหับความพร้อมสำหรับความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ โดยส่วนนี้จะนำเงินจากการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
บริษัทฯ มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ เท่ากับ 2.98 เท่า 2.56 เท่า และ 2.36 เท่า ในปี 62 ปี 63 และไตรมาส 1/64 ตามลำดับ ซึ่งการเพิ่มทุนและการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้แก่ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ และทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินในการดำเนินการโครงการในอนาคต เพื่อขยายฐานลูกค้าในระยะยาว และเป็นแหล่งเงินสำรองไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการดำเนินงานของบริษัทฯ
จากงบการเงิน ณ วันที่ 31 มี.ค.64 บริษัทมีเงินสด 117.13 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดหนี้คงค้างระยะสั้นที่บริษัทฯ ต้องชำระคืนแก่ธนาคารพาณิชย์ ที่จำนวนรวมประมาณ 4,634.39 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 มี.ค.64) คณะกรรมการบริหารคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถต่ออายุหนี้สินระยะสั้นเกือบทั้งหมดออกไปได้ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริหารเห็นว่าในการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของการผลิตน้ำยางข้น และถุงมือยาง หากบริษัทฯ ทำการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเพื่อใช้ในการลงทุนดังกล่าว จะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพิ่มขึ้น และทำให้สัดส่วนทางการเงินของบริษัทฯ ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้จะทำให้บริษัทมีเงินสดสำรองเพิ่มเติม เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการบริหารกิจการ
ในการขยายธุรกิจผลิตถุงมือยางและจำหน่ายถุงมือยาง บริษัทฯ พิจารณาว่าเป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ลูกค้ามีความต้องการถุงมือยาง และสินค้าเติบโตมากขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นการขยายต่อยอดน้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูป เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจ โดยรวมที่น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในหลายประเทศและความต้องการในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูปมากขึ้น บริษัทฯ ได้เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสในการเติบโตและโอกาสในการเพิ่มแหล่งรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในอนาคต เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นโดยรวม
บริษัทคาดว่าจะดำเนินการออกเสนอขายและจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) รวมทั้งได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/64
*นำ"เวิลด์เฟล็กซ์"เข้าตลาดหุ้น
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการนำ บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX นั้น การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีวัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
โดย WFX จะนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนนการถือหุ้นของบริษัทฯ (Pre-emptive Rights) กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของ WFX และประชาชนทั่วไป จำนวนรวม 142,000,000 หุ้น โดยหลังจาก Spin-off แล้ว WFX จะยังคงเป็นบริษัทย่อยของ TRUBB เนื่องจากบริษัทยังคงมีอำนาจการควบคุมใน WFX
ในการนำ WFX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ WFX จะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 322,200,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 464,200,000 บาท โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 142,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
1. จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนไม่เกิน 11,360,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ (Pre-emptive Rights) ในราคาเดียวกันกับราคาที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) หากมีจำนวนหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ TRUBB หุ้นดังกล่าวจะนำไปจัดสรรให้แก่ประชาชนทัว่ ไปต่อไป
2. จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนไม่เกิน 14,200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของ WFX ในราคาเดียวกันกับราคาที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) หากมีจำนวนหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงานของ WFX หุ้นดังกล่าวจะนำไปจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไปต่อไป
3. จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WFX จำนวนประมาณ 116,440,000 หุ้น (รวมถึงหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรตามข้อ 1 และ 2) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
ทั้งนี้ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Preemptive Rights) กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของ WFX และประชาชนทั่วไปจำนวน 142,000,000 หุ้นและนำ WFX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นสามัญของบริษัทฯ ใน WFX ลดลงจาก 95.59% เหลือ 66.35% ของทุนชำระแล้ว