RATCH เผย Q3/50 กำไรสุทธิลดลง 69% เหตุหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 30, 2007 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายธวัช วิมลสาระวงค์ รองกรรมการผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยโดยผู้สอบบัญชีไตรมาสที่ 3 ปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 มีกำไรสุทธิ 560.69 ล้านบาท (คิดเป็น
กำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 0.39 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,795.37 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 1.24 บาท) ปรากฏว่ากำไรสุทธิลดลง 1,234.68 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 68.77
สาเหตุหลักเนื่องจากการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตามแผนการบำรุงรักษา คือบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลักได้ทำการหยุดเดินเครื่องเพื่อทำ Major Overhaul โรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 1 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 2 ซึ่งการหยุดเดินเครื่องดังกล่าวเป็นไปตามแผนการบำรุงรักษาที่จะต้องทำ MajorOverhaul ทุกๆ 6 ปี ทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าราชบุรี (Availability Payment:AP) ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 จำนวน 2,500.74 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 3 ปี 2549 (3,168.95 ล้านบาท) เป็นจำนวน 668.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21.09
ค่าบริการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 จำนวน 235.22 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ปี 2549 (21.32 ล้านบาท) เป็นจำนวน 213.90 ล้านบาท หรือคิดเป็น10.03 เท่า ค่าอะไหล่โรงไฟฟ้า ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 จำนวน 352.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ปี 2549 (78.78 ล้านบาท) เป็นจำนวน 273.66 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.47 เท่า
ค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 จำนวน 201.57 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 3 ปี 2549 (125.33 ล้านบาท) เป็นจำนวน 76.24 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 60.83 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก ค่าจ้างที่ปรึกษาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 69.23 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ และการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพี ในวันที่ 19 ตุลาคม 2550
สรุปผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,749.90 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 3.28 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 5,188.13 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 3.58 บาท) ปรากฏว่ากำไรสุทธิลดลง 438.23 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 8.45

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ