CEI เล็งได้ออร์เดอร์ผลิตเครื่องชุบเคลือบผิวจากงานแสดงสินค้าที่ไทเป3-5ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 1, 2007 15:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางสาว ไต้ เวน - ลี   กรรมการ บมจ. คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย)(CEI)เปิดเผยถึงความคืบหน้าของธุรกิจการผลิตเครื่องชุบเคลือบผิว(HORIZONTAL PLATING MACHINES)เพื่อใช้ในแผงวงจรอิเล็คโทรนิคสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ว่า ทางบริษัทฯได้เตรียมออกงานแสดงสินค้า "PC BOARD EXHIBITION" ที่เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม 2550 นี้ ซึ่งผู้บริหารคาดการณ์ว่าจะมียอดสั่งผลิตเข้ามาและจะสามารถเริ่มการผลิตได้ภายในเดือนธันวาคม 2550นี้
นอกจากนี้ ได้ชี้แจงงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 ปรากฏว่าผลการดำเนินงานของบริษัทรวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 58.03 ล้านบาท แต่ในรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ เท่ากับ 385.13 ล้านบาท
รายได้รวมของบริษัท ลดลง 97.22 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของ ปีก่อน เนื่องจากยอดขายสุทธิลดลง 107.16 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38 และรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 9.94 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27
ด้านต้นทุนขายรวมของบริษัท ลดลง 111.20 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29 แต่ต้นทุนสูงกว่ายอดขายเนื่องมาจากกิจการมีการขายสินค้าโดยส่วนใหญ่ในราคาต่ำกว่าทุนเนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ดังกล่าวที่ขายเป็นสินค้าเก่าล้าสมัยและเป็นวัตถุดิบที่เหลือใช้จากการผลิตซึ่งบริษัทฯได้ทำการขายออกเป็นเศษซากจึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถขายสินค้าในราคาสูงกว่าทุนได้
เนื่องจากมีการปันส่วนค่าใช้จ่าย คิดเข้าต้นทุนของผลิตภัณฑ์ ในขณะที่มียอดขายลดลงจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุให้ต้นทุนต่อหน่วยมียอดสูงกว่าราคาที่สามารถขายได้จริง นอกจากนี้ บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายขายและบริหาร และค่าใช้จ่ายอื่นรวมลดลง เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการขายสินทรัพย์เพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี มีผลทำให้เงินลงทุนในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 44.88 ล้านบาท และขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 44.88 ล้านบาทในงบดุลเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2549 ขาดทุนสุทธิในงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 ลดลงจำนวน 33.80 ล้านบาท และมีผลทำให้ขาดทุนสะสมต้นงวดในงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับปี สิ้นสุด วันที่ 31 กรกฎาคม 2550 ซึ่งถูกปรับปรุงด้วยผลสะสมของงวดก่อน ๆ เป็นจำนวนเงินเพิ่มขึ้น 3,920 บาท (เงินลงทุนในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 44.88 ล้านบาท และขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 44.88 ล้านบาท) และขาดทุนสะสมต้นงวดในงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 ซึ่งถูกปรับปรุงด้วยผลสะสมของงวดก่อนๆ เพิ่มขึ้น 33.80 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าวมีผลกระทบต่อรายการในงบการเงินเฉพาะกิจการเท่านั้นและไม่ได้มีผลกระทบต่อการจัดทำงบการเงินรวม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ