บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เปิดเผยว่าในไตรมาส 2 ปี 2564 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,080.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 51 จากไตรมาส 2 ปี 2563 ที่เท่ากับ 2,221.0 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 3,894.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ใน ไตรมาส 2 ปี 2564 ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีขาดทุนสุทธิจำนวน 1,691.9 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิจำนวน 1,141.3 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีขาดทุนต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.3488 บาท
แต่มีผลกำไรในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจากการป้องกันความเสี่ยงกระแสเงินสดสุทธิภาษีเงินได้จำนวน 7.0 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนในงบกำไรเบ็ดเสร็จรวมในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 1,688.0 ล้านบาท จากขาดทุนในไตรมาส 2 ปี 2563 ทีเท่ากับ 665.7 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกปี 2564 บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,431.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75 จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 8,451.1 ลดลงร้อยละ 34 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกปี 2564 มีขาดทุนสุทธิสำหรับงวดในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 3,556.5 ล้านบาท จากขาดทุน 1,812.8 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกปี 2563 และมีขาดทุนต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.7333 บาท และมีผลกำไรในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจากการป้องกันความเสี่ยงกระแสเงินสดสุทธิภาษีเงินจำนวน 199.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 3,446.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกปี 2563 จำนวน 2,677.6 ล้านบาท
บจ. ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อย คาดการณ์ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะทรงตัวอย่างประคับประคองจากการที่ภาครัฐบาลได้ ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ประกาศห้ามบินรับส่งผู้โดยสารในประเทศพื้นที่ควบคุมสูงสุด เริ่มตั้งแต่ 21 กรกฎาคม เป็นต้นไปโดยไม่มีกำหนด ดังนั้น บจ.ไทยแอร์เอเชีย จึงประกาศหยุดให้บริการในทุกเส้นทางบิน ภายในประเทศชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 12 - 31 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการช่วยกันป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ดี บจ. ไทยแอร์เอเชีย ยังเน้นการเติบโตในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน(Non-airline Business) โดยเพิ่มศักยภาพธุรกิจขนส่งทางอากาศโดยการนำเครื่องบินมาใช้ในการขนส่งทางอากาศอย่างเดียว เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและความต้องการขนส่งสินค้าโดยรวม นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจด้านดิจิทัลภายใต้กลุ่มแอร์เอเชียได้ผนึกกำลังกับโกเจ็กแพลตฟอร์มบริการด้านอีคอมเมิร์ซและการชำระเงินผ่านมือถือชั้นนำของอาเซียนผ่านการเข้าซื้อกิจการของโกเจ็กส่วนที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย เพื่อที่จะเสริมศักยภาพและสร้างระบบนิเวศธุรกิจของกลุ่มแอร์เอเชีย โดยในประเทศไทยนั้น airasia super app จะเริ่มเปิดตัว airasia food และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายในครึ่งปีหลังนี้
จากรายงานเดือนสิงหาคม 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 0.7 ลดลงจากประมาณการในเดือนมิถุนายน 2564 ที่ร้อยละ 1.8 จากการระบาดของโควิด-19 รอบที่สามที่ยืดเยื้อและรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเร่งสูงขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์ Delta ที่มีความรุนแรงส่งผลให้มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคภาคเอกชน และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลง
อย่างไรก็ดีภาครัฐได้มีการออกมาตรการสนับสนุน รวมถึงการส่งออกยังขยายตัวได้ดีหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกทั้ง ธปท. คาดการณ์ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าโดยประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 ไว้ 2 กรณี ในกรณีฐานจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 0.15 ล้านคน และกรณีที่แย่ที่สุด จะมีนักท่องเที่ยวเพียงจำนวน 0.10 ล้านคน ภายใต้สมมติฐานที่สถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศสามารถควบคุมได้และ ทยอยผ่อนคลายมาตรการในช่วงต้นและช่วงปลายไตรมาส 4 ปีนี้ ตามลำดับ ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจมีความล่าช้าออกไปจากปัจจัยความเสี่ยง อาทิเช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ การเลื่อนระยะเวลาการเปิดประเทศ ประสิทธิภาพและความล่าช้าในการกระจายวัคซีน