บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 10/2564 มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิ DOD-W2) จำนวนไม่เกิน 205,000,246 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีราคาเสนอขายต่อหน่วยเท่ากับ 0.10 บาท อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และราคาใช้สิทธิจะเท่ากับ 18.00 บาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติกำหนดวันที่ 24 กันยายน 2564 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (Record Date) ทั้งนี้การให้สิทธิดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 91,110,864.50 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายดังกล่าวจำนวน 182,221,729 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่เหลือจากการจัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 296,111,111 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 205,000,246.50 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 410,000,493 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 0.50 บาท
และมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 102,500,123 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 205,000,246.50 บาท เป็น 307,500,369.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 205,000,246 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งที่ 2 (DOD-W2) จำนวน 205,000,246 หน่วย
กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 20 ตุลาคม 2564 2564 เวลา 14.00 น. โดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) เท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวไปใช้ตามแผนการดำเนินธุรกิจและแผนการขยายธุรกิจหรือโครงการในอนาคตและเพื่อใช้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการดำเนินการในอนาคต ซึ่งการขยายธุรกิจดังกล่าวบริษัทมีความจำเป็นต้องหาเงินทุน โดยบริษัทมีแผนในการพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชง ในส่วนของต้นน้ำด้วยการทำโรงเรือนเพาะปลูก ส่วนของกลางน้ำด้วยโครงการทำโรงสกัดแบบ full spectrum
นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเองเพื่อนำต่อยอดเป็นธุรกิจออนไลน์ของตนเองเพื่อจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าของตนเองซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงโดยพึ่งพาตลาดของตนเอง ในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชง อีกทั้งเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาวจึงต้องลงทุนการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาสารสกัด พืชสมุนไพรแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันโดยการการสร้างคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ของตนเองเพื่อใช้กับโรงงานอาหารเสริม โรงสกัด และธุรกิจออนไลน์ รวมถึงใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ อีกทั้งจ่ายการจ่ายคืนหนี้ระยะสั้นและระยะยาวแก่สถาบันการเงินเพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน
แผนการใช้เงินที่คาดว่าจะได้รับ 3,690 ล้านบาท ได้แก่ โครงการทำโรงเรือนเพาะปลูกแบบกรีนเฮ้าส์และระบบปิด ประมาณ 550 ล้านบาท, โครงการเพิ่มศักยภาพโรงสกัด เพื่อปรับปรุงโรงงานสกัดพืชสมุนไพรให้เป็นมาตรฐานการผลิตยาแผนปัจจุบัน ประมาณ 200 ล้านบาท,ขยายไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชนิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ประมาณ 300 ล้านบาท, การสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาสารสกัด พืชสมุนไพรแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ประมาณ 200 ล้านบาท, การพัฒนาสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองสำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรสกัด เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ ประมาณ 500 ล้านบาท, การสร้างธุรกิจออนไลน์ของตนเองเพื่อจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าของตนเอง ประมาณ 300 ล้านบาท, การสร้างคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ของตนเองเพื่อใช้กับโรงงานอาหารเสริม โรงสกัด และธุรกิจออนไลน์ ประมาณ 500 ล้านบาท,การจ่ายคืนหนี้ระยะสั้นและระยะยาวแก่สถาบันการเงิน ประมาณ 200 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเดิมของบริษัทเพื่อรองรับกับการเติบโต ประมาณ 940 ล้านบาท