บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 64 ได้มีมติอนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (AAI) ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ AAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 โดยสัดส่วนของหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ AAI และหุ้นสามัญเดิมใน AAI ที่บริษัทฯ ถืออยู่บางส่วนที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) รวมกันไม่เกิน 30% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ AAI ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยแบ่งออกเป็น
- การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ AAI ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ AAI ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
- การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมใน AAI ที่บริษัทฯ ถืออยู่บางส่วนไปพร้อมกับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ AAI เป็นสัดส่วนไม่เกินกว่า 10% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ AAI ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่อาจเกิดขึ้นจากแผน Spin-Off จึงเห็นควรให้มีการเสนอขายหุ้นสามัญที่จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ให้มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุนในบริษัทฯ (Pre-emptive Rights) ในสัดส่วนไม่เกิน 20.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยหากมีหุ้นสามัญที่เหลือจากการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ (Pre-emptive Rights) ให้ AAI เสนอขายหุ้นที่เหลือต่อประชาชนทั่วไป
การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปดังกล่าวจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน AAI ลดลงจากเดิม 100% ของทุนชำระแล้ว (ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป) เป็นไม่ต่ำกว่า 70% ของทุนชำระแล้ว (ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป) โดย AAI จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เช่นเดิมต่อไป
AAI ประกอบธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยง รวมถึงการจำหน่ายและส่งออก
สำหรับผลประโยชน์ต่อบริษัทฯ
1) ลดภาระของบริษัทฯ ในการสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยง รวมถึงการจำหนายและส่งออก ของบริษัทฯ ในระยะยาว เนื่องจาก AAI จะสามารถระดมทุนได้เองผ่านช่องทางของตลาดทุน
2) ลดต้นทุนทางการเงินของ AAI ในระยะยาวจากการมีแหล่งทางเลือกในการระดมทุนที่หลากหลาย โดยการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังช่วยให้ AAI สามารถระดมทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำลงกว่าปัจจุบันได้ ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ในภาพรวม
3) บริษัทฯ จะมีการแยกโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการ การกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และคล่องตัวมากขึ้น
4) ภายหลังการเข้าจดทะเบียนของ AAI มูลค่าของหุ้นของ AAI จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าเพิ่มของธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยง รวมถึงการจำหน่ายและส่งออกของบริษัทฯ
5) บริษัทฯ ได้รับเงินทุนจากการขายหุ้นสามัญเดิมใน AAI ที่บริษัทฯ ถืออยู่บางสวน