B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อทำการแลกหุ้นระหว่างกันกับ Pimpinan Ehsan Berhad (PEB) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยภายหลังการแลกหุ้นดังกล่าว B.Grimm Malaysia จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน PEB 40.6% และ PEB จะถือหุ้นใน reNIKOLA Holdings ในสัดส่วน 100% ทั้งนี้รายการดังกล่าวอยู่ระหว่างการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดย reNIKOLA เป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว รวม 88 MW และอยู่ระหว่างการเจรจาทำสัญญาซื้อขายหุ้นอีก 90 MW ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงมีการลงนาม MOU กับองค์กรใหญ่หลายแห่งในประเทศมาเลเซียเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ขนาด 375 MW ภายใต้ Third Party Contract (Corporate PPA) รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และธุรกิจสายส่ง
ผู้บริหารของ reNIKOLA ถือเป็นผู้ที่มีความชำนาญแนวหน้าในธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศมาเลเซีย ด้วยการพัฒนาและเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าโครงการแรก ภายใต้ระบบประมูล Large Scale Solar (LSS) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนโครงการแรกในประเทศมาเลเซียที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงพลังงาน, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้เงื่อนไข Third Party Contract (Corporate PPA)
นอกจากนี้ B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 49% และหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 100% ของ Tamara East Sdn. Bhd. (ซึ่งเป็นบริษัทที่จะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในอนาคต) ภายใต้มูลค่าการซื้อขาย 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย
"เรามีเป้าหมายร่วมกันในการมุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาด ที่มีเสถียรภาพและเข้าถึงได้ การลงทุนในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนไปด้วยกัน โดยในประเทศมาเลเซียยังมีโอกาสอีกมากมาย และเป็นที่น่ายินดีที่เราจะร่วมมือกันทำให้โอกาสเหล่านี้เกิดขึ้นจริง" นายฮาราลด์ กล่าว
Tengku Zaiton ประธาน กลุ่ม reNIKOLA กล่าวว่า การร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานระดับสากล ที่จะมาเป็นผู้ร่วมลงทุนที่สำคัญของ reNIKOLA ทำให้แนวทางการดำเนินงานด้านพลังงานทดแทนของบริษัทมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเงินร่วมทุนจำนวน 367 ล้านมาเลเซียริงกิตนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินในการคว้าโอกาสในธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีเข้ามาในอนาคต
ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เปิดดำเนินการแล้ว จำนวน 737 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ขยะอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว นอกจากนี้ ยังมีโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคาอีกหลายโครงการทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการพลังงานทดแทนหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ด้วยกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานลมในโปแลนด์ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบไฮบริดในประเทศไทย บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปี 2568 ไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์ จาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 และเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องไปเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 โดยมีเป้าหมายรายได้ 100,000 ล้านบาทต่อปี