บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 ม.ค.65 มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด (PDT) รวม 6,667 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 25% ของจำนวนหุ้น PDT ทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 18,389 บาท รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 122.60 ล้านบาท
ทั้งนี้ PDT ประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล ให้คำปรึกษา วางแผน และให้บริการอื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการตลาดให้แก่ธุรกิจของลูกค้า รวมทั้งบริการจัดเก็บ และโอนย้ายข้อมูลคตามความประสงค์ของลูกค้าแต่ละราย
นอกจากนั้น ยังให้เข้าร่วมทุนกับ PDT จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพื่อลงทุนร่วมกันในประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล ให้คำปรึกษา วางแผน และให้บริการอื่นใด โดย ICHI จะถือหุ้น 50% รวมมูลค่าลงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ ICHI เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับ พรีดิกทิฟ เป็นการรองรับการตลาดยุคดิจิทัล โดยนำ Big Data มาใช้เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทำการตลาดในเชิงวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคด้วย AI เนื่องจาก พรีดิกทิฟ มีความเชี่ยวชาญด้าน Data Tech มีผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (CAGR) ประมาณ 30% (62-64) และมีผลงานที่พิสูจน์แล้วในการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของไทย โดยเป้าหมายของบริษัทร่วมทุนจะนำไปสู่การต่อยอดโอกาสใหม่ด้วยการสร้าง Data Solution ตอบสนองเทรนด์ดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างมีอนาคต แล้วนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 3 ปีข้างหน้า
"ปีนี้เป็นอีกบิ๊กมูฟสำคัญของอิชิตันที่กำลังทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่โลกยุคดิจิทัล เรากำลังไปข้างหน้าด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและธุรกิจใหม่ที่ให้บริการข้อมูลทางดิจิทัล เพราะดาต้าคือทองคำในโลกปัจจุบันและอนาคต ใครมีมากจะสร้างความได้เปรียบในการเข้าไปในใจผู้บริโภค แต่การมีดาต้าอย่างเดียวไม่พอ ต้องเชี่ยวชาญในการนำไปใช้ด้วย Predictive จะเข้ามาเติมเต็มตั้งแต่การสะสมดาต้า การวางแผนเพื่อให้ได้ดาต้าใหม่ๆ ที่จำเป็น นำมาวิเคราะห์แล้วสร้างแคมเปญที่ถูกต้องเหมาะสมออกไป
นอกจากจะทำให้อิชิตันสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้าได้มีประสิทธิภาพขึ้น ใช้ข้อมูลตรงจากลูกค้าและผู้บริโภคมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบสนองผู้บริโภคได้แม่นยำขึ้น และที่สำคัญยังบริหารงบการตลาดและโฆษณาได้ตรงจุดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานและเพิ่มศักยภาพความได้เปรียบในการแข่งขันของอิชิตัน
เราเชื่อมั่นในการมาถึงของธุรกิจ Data Intelligent ที่จะสามารถเติบโตในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ยิ่งมีดาต้ามากจะทำให้ AI เสถียรขึ้น เมื่อ AI เสถียรขึ้นความเชี่ยวชาญของพรีดิกทิฟต่อการวิเคราะห์ข้อมูลก็จะพัฒนาต่อไปไม่หยุดยั้ง เป็นการสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจลงทุนร่วมที่จะให้บริการด้านข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทอื่นๆ ได้ต่อไป"
นายตัน กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้การตลาดแบบ Personalization กำลังเข้ามาแทนที่การทำตลาดแบบแมส เพราะไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคหลากหลาย มีความเฉพาะตัวมากขึ้น มีความต้องการเป็นปัจเจกมากขึ้น ICHI หวังว่าการเข้าลงทุนในธุรกิจดาต้าครั้งนี้ จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้อย่างลึกซึ้งและสามารถนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงตามความต้องการได้อย่างแม่นยำ
การเข้ามาของ พรีดิกทิฟ จะสร้างกลยุทธ์การเก็บ First Party Data ของ ICHI เอง ลดทอนน้ำหนักการพึ่งพิง Third Party Data จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลที่ได้แม่นยำมีประสิทธิภาพมากขึ้น เฉพาะเจาะจงตามแต่ละความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด
การทรานส์ฟอร์มครั้งนี้ ขับเคลื่อนตามกลยุทธ์ 3N (N1 : New product, N2 : New market และ N3 : New business) ด้วยการผสานความแข็งแกร่งจาก 2 บริษัท ได้แก่ ICHI ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายทั่วประเทศ ประกอบเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีข้อมูลของ พรีดิกทิฟ จะเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจหลักของอิชิตันให้เข้าสู่การตลาดดิจิทัล (Digital Intelligent) อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการข้อมูลของอิชิตันให้เกิดประโยชน์สำหรับบริษัทร่วมทุน ที่ให้บริการข้อมูลให้มีมูลค่าเพิ่มต่อไป ทั้งหมดเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและผลการดำเนินงานที่มั่นคงของ ICHI ในระยะยาว