นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL) ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 560.16 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 1,064.68 ล้านบาท สำหรับงวดเดียวกันของปี 2549
เหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงมีดังต่อไปนี้ รายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) ของไตรมาสสาม ปี 2550 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ประมาณร้อยละ 21
สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องมาจากจำนวนเรือเฉลี่ยที่ดำเนินงานในระหว่างไตรมาสนี้ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการขายเรือเก่า 10 ลำของกองเรือออกไป ดังนั้นรายได้จากการเดินเรือในไตรสามปี 2550 มาจากกองเรือเฉลี่ยจำนวน 44 ลำ ในขณะที่ในไตรมาสเดียวกันของปี 2549 มีกองเรือเฉลี่ยจำนวน 54 ลำ โดยมีเรือที่ถูกขายและส่งมอบจำนวน 10 ลำ ในครึ่งปีแรกของปี 2550 ทำให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 บริษัทฯ มีกองเรือเท่ากับ 44 ลำ
นอกจากนี้อัตราแลกเปลี่ยนดอลล่าร์สหรัฐต่อเงินบาทเฉลี่ยของไตรมาสสามปี 2550 จะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549 อย่างไรก็ดี เนื่องจากอัตราค่าระวางในตลาดสากลปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้จากการเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือของไตรมาสสามปี 2550เท่ากับ 13,281 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี2549 เท่ากับ 12,261 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 8
ด้านค่าใช้จ่ายในการเดินเรือลดลงร้อยละ 19 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549 โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของจำนวนเรือเฉลี่ยที่ดำเนินงานในระหว่างไตรมาส ดังที่ได้อธิบายในข้อ 1 ข้างต้น อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ สำหรับไตรมาสสามปี 2550 เท่ากับ 3,976 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 อยู่ที่ 3,586 ดอลล่าร์สหรัฐ (รวมค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือ) ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 11
บริษัทฯ ได้บันทึกดอกเบี้ยรับ จำนวน 42.08 ล้านบาท ในไตรมาสสาม ปี 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 อยู่ที่ 4.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นดอกเบี้ยรับจากเงินสดคงเหลือที่ฝากไว้กับธนาคาร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้บันทึกขาดทุนจากเครื่องมือทางเงิน จำนวน 235.27 ล้านบาท ในไตรมาสสาม ปี 2550 ซึ่งเป็นประมาณการผลขาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยเพื่อที่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะใช้เป็นฐานในการกำหนดราคาในการออกหุ้นกู้ บริษัทฯได้เข้าทำสัญญา Treasury Lock Contracts กับสาขาของธนาคารต่างประเทศแห่งหนึ่งจำนวนเงินต้นรวม 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่จะเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ ในกรณีถ้ามีการออกหุ้นกู้ สัญญาดังกล่าวได้ถูกประเมินตามราคาตลาด ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีผลขาดทุนจำนวน 6.84 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่ากับ 235.27 ล้านบาท)
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--