บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบมีมติรับทราบความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ต่อรายการจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ 1,800 เครื่องจากบริษัท พรีเมียม แอสเซท จำกัด และการจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยท์จำนวนไม่เกิน 4,500 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟ้าและระบบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดย IFA มีข้อสรุปว่าผู้ถือหุ้นควรลงมติ "ไม่อนุมัติ" รายการดังกล่าว
เนื่องจาก IFA เห็นว่าโครงการลงทุนธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มีความเสี่ยง และมีผลกระทบจากความผันผวนของตัวแปรต่างๆ ที่บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ และมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสดของบริษัฯ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นทุกรายจึงควรศึกษารายละเอียดในรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ
แม้ IFA สรุปความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรลงมติ "ไม่อนุมัติ" รายการก็ตาม แต่เนื่องจากทางบริษัท และ/หรือ JasTel ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนี้เป็นอย่างดีมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และพบว่าข้อมูลเชิงสถิติและข้อเท็จจริงในส่วนของความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาบิทคอยน์นั้น พบข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าราคาบิทคอยน์มีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นได้เร็วกว่าการเติบโตของจำนวนแฮชเรตรวมของเครือข่ายบิทคอยน์ และเห็นว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงสินทรัพย์ดิจิทัลมาดำเนินการในการกำกับดูแลและกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการบิทคอยน์
นอกจากนั้น IFA ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ "ข้อดี" ของการทำรายการซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ ว่าเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับ บริษัท และ/หรือ JasTel ตามแผนการขยายธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ของ JasTel ให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยการเข้าลงทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ และ JasTel กลายเป็นผู้ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์รายใหญ่ในประเทศไทย การเข้าลงทุนจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น และอาจช่วยให้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต อีกทั้งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ต่อยอดธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความเห็นของ IFA ส่วนนี้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการบริษัท และแผนธุรกิจของ JasTel จึงเห็นควรให้นำเสนอให้ผู้ถือหุ้นเป็นผู้พิจารณาอนุมัติรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันนี้ด้วยความระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลประกอบก่อนการพิจารณาอนุมัติรายการ
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 12/2564 เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.64 ได้มีการพิจารณาข้อมูลเชิงสถิติ และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาบิทคอยน์ประกอบแล้ว พบข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าราคาบิทคอยน์มีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นได้เร็วกว่าการเติบโตของจำนวนแฮชเรตรวมของเครือข่ายบิทคอยน์ เนื่องมาจากเหตุผลดังต่อไปนี้
- การเติบโตของจำนวนแฮชเรตรวมของเครือข่ายบิทคอยน์ (Bitcoin Total Hash Rate) ตั้งแต่ต้นปี 61 เป็นต้นมา มีลักษณะเป็นไปแบบเชิงเส้น (Linear Growth) โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของแฮชเรตในแต่ละปี ที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจาก (1) พัฒนาการของเทคโนโลยีในการผลิตชิปประมวลผลให้มีขนาดเล็กลงและมีความจุเพิ่มขึ้นเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งปัจจุบันเครื่องขุดบิตคอยน์ก็ใช้เทคโนโลยีระดับ 5 นาโนเมตรอยู่แล้ว
- ตลาดเครื่องขุดบิทคอยน์เป็นของผู้ผลิตน้อยราย เนื่องจากการออกแบบเครื่องขุดให้มีจำนวนแฮชเรตสูงแต่ใช้พลังงานต่ำนั้นต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูง ทำให้จำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์ใหม่ที่ผลิตและเพิ่มเข้ามาในตลาดของแต่ละปี มีจำนวนจำกัด
- การที่ตลาดอุปทานเป็นของผู้เล่นน้อยราย เมื่อรวมกับสถานการณ์การขาดแคลนชิพประมวลผลที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้กำลังการผลิตของเครื่องขุดบิทคอยน์รวมไม่เพียงพอกับความต้องการในตลาด ผู้ซื้อที่ต้องการสั่งเครื่องขุดในปริมาณมากต้องสั่งจองเครื่อง และชำระเงินล่วงหน้าก่อนการส่งของเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีผู้ซื้อจำนวนไม่มากที่มีความสามารถที่จะทำเช่นนี้ได
- การที่ตลาดเป็นของผู้ผลิต ทำให้บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตเลือกที่จะปรับเพิ่มราคาขายของเครื่องขุดบิทคอยน์รุ่นเดิม ตามราคาของบิทคอยน์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยไม่สนใจต้นทุนในการผลิตที่แท้จริง ทำให้แรงจูงใจของผู้ซื้อที่จะลงทุนซื้อเครื่องขุดใหม่ เมื่อราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นนั้น มีเพิ่มขึ้นไม่มากอย่างที่ควร ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ในอนาคตอันใกล้จึงเป็นไปได้ยากที่จะมีการเติบโตของจำนวนแฮชเรตรวมของเครือข่ายบิทคอยน์อย่างก้าวกระโดด
เมื่อพิจารณาในมุมของราคาของบิทคอยน์ที่ถึงแม้จะมีความผันผวนสูง แต่ยังมีอัตราการเติบโตของราคาในช่วง 2-3 ปี หลังเป็นไปแบบทวีคูณ (Exponential Growth) อันเนื่องมาจากตลาดเริ่มมองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสมกว่าเงินตรา (Fiat Currency) ในการรักษามูลค่า และป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออันเป็นผลมาจากการอัดฉีดเงินเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลก (Debasement)
ปัจจุบัน บิทคอยน์มี Market Cap อยู่ที่ 790.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมูลค่าซื้อขายต่อวันอยู่ที่ประมาณ 24.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนั้นยังมีนักลงทุนและกองทุนระดับโลกที่ให้มุมมองเชิงบวก และเข้าลงทุนในบิทคอยน์หลายราย เช่น กองทุน Grayscale Bitcoin Trust เป็นกองทุนคริปโตที่มีการซื้อขายกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมี Grayscale Investments, LLC เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันสามารถมีส่วนร่วมในการลงทุนกับบิทคอยน์ โดยปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารอยู่ประมาณ 26.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เช้านี้ ราคาหุ้น JTS ปรับตัวลงไปต่ำสุด 208 บาทจากราคาเปิด 210 บาท และกลับมาที่ 213 บาท เท่ากับราคาปิดเมื่อวันศุกร์ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา