บมจ.อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.64 มีมติอนุมัติให้บริษัท ย๊าค จำกัด (YAAK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รับโอนกิจการบางส่วนของบริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด (UTT) โดยรับโอนหน่วยธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงสำหรับผลิตภัณฑ์ อาหารและเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ Aviance แบรนด์ Beyonde และแบรนด์ I-Fresh ที่ดำเนินการภายใต้ชื่อทางการค้า "Unilever Life" หรือ "ULife" โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ.65 บริษัทได้บรรลุข้อตกลงและเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายกิจการกับ UTT มูลค่า 877.6 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าทำรายการแล้วเสร็จในเดือน พ.ค.65
ทั้งนี้ กิจการ ULife เป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ UTT ที่ดำเนินกิจการขายตรงและตลาดแบบตรงสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางภาย โดยจัดจำหน่ายผ่านช่องทางทั้งออนไลน์ (เช่น Official Website Lazada และ Shopee) ออฟไลน์ (เช่น ร้านค้าประเภท Direct Shop และ Authorised Shop และผู้แทนจำหน่ายอิสระ (Business Partners))
RS เล็งเห็นว่าการเข้าซื้อกิจการ ULife สอดคล้องกับกลยุทธ์"Lifestyle Wellbeing Solution" ซึ่งมีเป้าหมายคือการเป็นคำตอบในเรื่องสุขภาพให้กับผู้บริโภค เนื่องจากเป็นการเพิ่มศักยภาพและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของบริษัทฯ
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ธุรกิจคอมเมิร์ซ มุ่งเสนอขายสินค้าที่เสริมสร้างการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แกลูกค้า ผ่านแพลตฟอร์มและช่องทางการขายต่าง ๆ ทั้งนี้การเข้าซื้อกิจการ ULife ซึ่งมีจุดแข็งในการประกอบธุรกิจขายตรงชั้นนำ ด้วยจำนวนสมาชิกภายใต้เครือข่ายธุรกิจกว่า 150,000 ราย ร้านค้าหลายสาขารวมถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และมีผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางที่โดดเด่นภายใต้แบรนด์ Aviance แบรนด์ Beyonde และแบรนด์ I-Fresh ซึ่งเป็นนิยมในหมู่ผู้บริโภค จะทำให้บริษัทฯ มีสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้แล้วยังช่วยทำให้เข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้นด้วย
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS กล่าวว่า การเข้าซื้อหรือลงทุนในธุรกิจหรือสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต (M&A) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ RS ซึ่งจะส่งผลให้ Ecosystem ของบริษัทขยายใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน โดยการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ ULife ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมายในการช่วยให้คนไทยได้เป็นเจ้าของธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือ นอกจากจะทำให้โมเดลธุรกิจคอมเมิร์ซแข็งแกร่งขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้นในช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ รวมถึงเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทแล้ว ยังตอกย้ำให้เห็นถึงพันธกิจของ RS ที่ต้องการเติมเต็มชีวิตผู้คนด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ รวมทั้งสร้างแพชชันเพื่อผลักดันให้คนไทยมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ?ธุรกิจขายตรง? เป็นธุรกิจที่บริษัทให้ความสนใจ ประกอบกับภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้ที่คาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยในระดับอย่างน้อย 6-7% ต่อปี จึงทำให้ ULife มีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งหากมารวมกับโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ของ RS และธุรกิจในเครือจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเป็นจุดแข็งที่แตกต่างให้แก่การทำการตลาดและการขายสินค้าของ ULife จึงนำไปสู่โอกาสทั้งในด้านการเพิ่มยอดขาย การสร้าง Business partner ปัจจุบันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และดึงดูด Business partner รายใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงการมีไลน์สินค้าที่หลากหลายจะสนับสนุนให้ ULife ยุคใหม่ มีความพร้อมในการแข่งขันและช่วยเพิ่มรายได้ของบริษัทและพาร์ทเนอร์ให้เติบโตอย่างแข็งแรง
ที่สำคัญ ULife สามารถนำ Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม RS มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจในทุกมิติ ช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด ซึ่งจะส่งผลให้ ULife สามารถนำข้อมูลบนแพลตฟอร์มไปใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมทางการตลาดได้ตรงกับความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์และอาวุธสำคัญที่ช่วยให้ ULife มีความโดดเด่นและแตกต่างจากผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมเดียวกัน
"ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหาร และจำนวนสมาชิกภายใต้เครือข่ายธุรกิจกว่า 150,000 ราย ของ ยูไลฟ์ ประกอบกับการ Synergy กับ Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป คาดว่าจะเสริมให้รายได้ของ ยูไลฟ์ หลังสถานการณ์โควิด-19 เติบโตอยู่ในระดับทะลุ 1,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะผลักดันและสร้างการเติบโตอย่างเต็มที่เพื่อให้ยูไลฟ์ ก้าวขึ้นเป็นบริษัทขายตรงอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศภายในปี 67" นายสุรชัย กล่าว