(เพิ่มเติม) ตลท.ให้ A5 กลับมาเทรด Mai 7 มี.ค.ผู้บริหารเผยเดินหน้าเปิดโครงการใหม่หนุนโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 23, 2022 13:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) ตลท.ให้ A5 กลับมาเทรด Mai 7 มี.ค.ผู้บริหารเผยเดินหน้าเปิดโครงการใหม่หนุนโต

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ แจ้งเรื่องการพ้นเหตุเพิกถอนของบมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป (A5)

เรื่อง                                  		 : การพ้นเหตุเพิกถอน
ชื่อบริษัท                               			 : บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (A5)
ปลดเครื่องหมาย                          	        : SP และ NC
เหตุผล                                 	        : ปฏิบัติตามข้อกำหนดของการพ้นเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาด
หลักทรัพย์แล้ว
ตลาดรอง                               		 : MAI
กลุ่มอุตสาหกรรม                          		 : อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
วันที่เริ่มทำการซื้อขายภายหลังพ้นเหตุเพิกถอน   			 : 07 มี.ค. 2565
ลักษณะธุรกิจ                            			 : A5 ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company)
โดยลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  มีบริษัทย่อย 2 บริษัท พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดและบ้านจัดสรร เพื่อขาย
ที่ปรึกษาทางการเงิน (กรณีพ้นเหตุเพิกถอน)      	         : -

หมายเหตุ
  • ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลบริษัทจากสรุปข้อสนเทศของ A5 ที่เผยแพร่ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์
  • ตลาดหลักทรัพย์จะไม่กำหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ของหลักทรัพย์ A5 ในวันที่ 7
มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขาย (อย่างไรก็ดี หากในวันที่ 7 มีนาคม 2565 ไม่มีการซื้อขายหุ้นสามัญของ A5 ตลาดหลัก
ทรัพย์ฯ จะยังคงไม่มีการกำหนด Ceiling & Floor ต่อเนื่องไปจนกว่า จะมีการซื้อขายหุ้นสามัญของ A5 แล้ว) และเมื่อได้มีการซื้อขาย
หลักทรัพย์ ของ A5 แล้วในวันทำการถัดไป Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ของบริษัทจะถูกปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ
  • ตลาดหลักทรัพย์จะนำหลักทรัพย์ A5 มารวมในการคำนวณดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai Index)
ในวันทำการถัดไป นับจากวันที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าววันแรกในวันทำการถัดไป Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ของบริษัทจะถูก
ปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ
  • ตลาดหลักทรัพย์จะนำหลักทรัพย์ A5 มารวมในการคำนวณดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai Index)
ในวันทำการถัดไป นับจากวันที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าววันแรก

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทฯ สามารถนำส่งงบการเงินได้ภายในระยะ เวลาที่กำหนดได้ครบทุกงวด มีรายได้หลักและกำไรจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขายตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) และรายงานของผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข

บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบระบบการควบคุมภายในของระบบงานที่สำคัญและดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเรียบร้อยแล้วซึ่ง คณะกรรมการตรวจสอบ ได้พิจารณาความเพียงพอของระบบควบคุมภายในว่ามีความเหมาะสมแล้ว เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการรับหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ดังนั้นตลท.จึงอนุมัติให้หลักทรัพย์ ของบริษัท (A5) กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

นายศุภโชค กล่าวต่อไปว่าบริษัทฯ มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยปัจจุบันมี บริษัทย่อย 2 แห่ง คือบริษัท แอสเซท ไฟว์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ (AFD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัด ส่วนร้อยละ 96.67 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว และบริษัท รชยาเรียลเอสเตท จำกัด หรือ (RCY) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ AFD ถือหุ้นร้อย ละ 99.99ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีกิจการร่วมค้าอีก 1 แห่งคือบริษัท ต้นสน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (TONSON) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 47.50 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่รวม 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท โดย แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มูลค่า 2,700 ล้านบาท และบ้านแนวราบในจังหวัดอุดรธานี 2 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ 1,000 ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งจะมาจาก การขายและโอนบ้านพร้อมอยู่เฟสสุดท้ายในโครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9-ศรีนครินทร์

"โครงการส่วนใหญ่ของกลุ่มบริษัทฯ เป็นอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่ก่อสร้างทีละเฟส (Phase) สามารถคาดการณ์แนวโน้ม อัตรา การดูดซับ รวมถึงชะลอการก่อสร้างได้ในกรณีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชะลอการตัดสินใจ ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม ระดับซูเปอร์ ลักซ์ชัว รี่ ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเล CBD ขายได้แล้วกว่าร้อยละ 80 ของยูนิตทั้งหมด และลูกค้ากลุ่มระดับซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี่ ผ่อนชำระเงิน ดาวน์อย่างสม่ำเสมอ เห็นได้ว่าผลกระทบจากสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ มีไม่สูงมากและ สามารถบริหารจัดการได้" นายศุภโชค กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่ส่งผลต่อการดำเนิน งานของกลุ่มบริษัทฯ ส่งผลให้เกิดการปรับตัว ดังนั้นบริษัทฯ จึงให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการคิดค้นออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบสนอง ความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค พร้อมกับมีการปรับในส่วนของการทำงานภายในองค์กรของกลุ่มบริษัทฯ ให้มีความ ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการประสานงานและเพื่อให้การทำงานสามารถบรรลุผลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ