บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทจดทะเบียน บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด (ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พืชเภสัชกรรม จำกัด) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปลูกกัญชงนั้น ปัจจุบันบริษัทมีนักลงทุนรายใหม่ให้ความสนใจในผลการตอบแทนของบริษัทเป็นอย่างมากและเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้ามาพัฒนาธุรกิจและร่วมสร้างมูลค่ารายได้ให้กับ พืชเภสัชกรรม
ทั้งนี้ SCN ได้ประมาณมูลค่าของ บริษัท พืชเภสัชกรรม จำกัด ที่ 240 ล้านบาท และได้เพิ่มทุนให้กับนักลงทุนรายใหม่ให้เข้าซื้อหุ้นใหม่จำนวน 20% เป็นมูลค่า 48 ล้านบาท ทำให้บริษัทเหลือการถือหุ้นทั้งหมด 41% จากเงินลงทุนทั้งหมดจำนวน 2.5 ล้านบาท
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตการปลูกกัญชงในรูปแบบ indoor เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในใบอนุญาตการปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์รูปแบบ indoor ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่โรงงานเพื่อใช้เป็นการเพาะปลูกกัญชงสำหรับทางการแพทย์(Medical grade)
นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN เปิดเผยว่า บริษัทได้รับใบอนุญาตให้ผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง เลขที่ใบอนุญาต นบ 1/2565 (ป) พื้นที่ลำดับที่ 1 จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือ อุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งตามแผนจะมีการปลูกในระบบปิด (Indoor) คือ การเพาะปลูก ในสถานที่ปิดที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูก และเป็นรูปแบบ Indoor บนพื้นที่ 3,150 ตารางเมตร ซึ่งมีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยคาดแล้วเสร็จและสามารถเริ่มปลูกกัญชงช่วงไตรมาส 2 ปี 2565
ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตกัญชงแล้วนั้น ส่งผลให้มีนักลงทุนรายใหญ่สนใจในธุรกิจ และเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท พืชเภสัชกรรม จำกัด จำนวน 20% เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตและฐานทุนที่แข็งแรงที่มั่นคง โดยเชื่อว่าจะเป็นส่วนผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม SCN ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน พืชเภสัชกรรม
"เรามีแผนที่จะขยายพื้นที่ปลูกกัญชงมากขึ้น โดยคัดเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกในประเทศ โดยปลูกเฟสแรกในพื้นที่โรงงานไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งใน Crop แรก จะใช้เวลาการเก็บเกี่ยว 4 เดือน ซึ่งเราตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เท่าตัว โดยจะใช้พื้นที่ในโรงงานของ SCN เดิม และหากเป็นไปตามแผน คาดว่าจะเป็นแรงผลักดันให้รายได้แตะ1,000 ล้านบาท" นายฤทธี กล่าว
นายฤทธี กล่าวเสริมว่า บริษัทมีแผนจะรุกธุรกิจกัญชงอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดว่ารายได้จากธุรกิจกัญชงเฟสแรกอยู่ที่ 270 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมาจากการขายดอกแห้ง 6,000 กิโลกรัมต่อปี และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป