บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 4 พ.ค.มีมติอนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ครั้งที่ 2 โดยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ไม่เกิน 6,001,712 หุ้น (ซึ่งไม่เกิน 10% ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ณ วันที่คณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติให้มีการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป) ในราคาเสนอขาย 28 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 168,047,936 บาท
บริษัทจะเสนอขายหุ้น PP ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายวิศธิสิทธิ์ ยอดปัญญา 937,545 หุ้น หรือคิดเป็น 0.07% , นายเอกพงศ์ โชติมาศ 776,739 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.06% และ บริษัท ไอ เอส เอฟ โฮลดิ้ง จำกัด 4,287,428 หุ้น หรือคิดเป็น 0.31%
โดยนักลงทุนรายที่ 1-5 เป็นบุคคลธรรมดา และนักลงทุนรายที่ 3 เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีศักยภาพในการลงทุนได้จริง รวมทั้งมีความรู้และประสบการณ์เหมาะสม หรือศักยภาพในการที่จะเป็นประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในระยะยาว หรือเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Shareholder)
การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ มีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง และสามารถเข้าลงทุนในบริษัทฯ SKV, SKM และ ISoftel โดยไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท ประกอบกับการเพิ่มทุนดังกล่าวยังช่วยให้บริษัทฯ ไม่ต้องเพิ่มภาระหนี้สินจากการกู้ยืมเงิน และช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของบริษัทได้ ทั้งนี้นักลงทุนทั้ง 3 รายข้างต้น ไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยง
พร้อมกันนั้น คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญ ของ ไอ ซอฟเทล (ประเทศไทย) จำกัด (ISoftel) บริษัท เอส.เค.แมเนจเม้นท์ แอนด์ ซัพพลาย จำกัด (SKM) และ บริษัท เอสเควี ยูนิตี้ ซัพพลาย จำกัด (SKV)
ทั้งนี้ SABUY จะเข้าซื้อหุ้น 25.01% ใน ISoftel ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาโปรแกรมเกี่ยวกับการสื่อสารทางโทรศัพท์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ จาก บริษัท ไอ เอส เอฟ โฮลดิ้ง จำกัด โดยมีเครื่องมือที่พัฒนาเองชื่อ iTool และเป็นผู้ถือหุ้น 100%ของ บริษัท ซอฟเทล คอมมูนิเคชั่น(ไทยแลนด์) (Softel) ซึ่งให้บริการด้าน Outsource Contact Center โดย SABUY จะชำระค่าตอบแทน 120,048,000 บาทให้แก่ ISF Holding
ขณะที่เดียวกันจะซื้อหุ้น SMK จำนวน 24,000 หุ้น หรือคิดเป็น 80% จากนายเอกพงศ์ และเข้าลงทุนใน SKV จำนวนไม่เกิน 8,000 หุ้น หรือคิดเป็น 80% จากนายวิศธิสิทธิ์ ซึ่ง SKM และ SKV ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการด้านการจัดกรทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร โดยจะชำระค่าตอบแทนรวม 48 ล้านบาทให้แก่นายเอกพงศ์