บมจ.ทีวีไดเร็ค (TVD) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 30 พ.ค.65 อนุมัติหลักการการปรับโครงสร้างบริษัทฯเพื่อให้บริษัทฯเป็นบริษัทฯลงทุนในบริษัทอื่น Holding Company
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัทฯ คือ บริษัท ทีวีดีเอ็ม จำกัด เข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล รวมเงินลงทุน 55 ล้านบาทที่จะมาจากการเพิ่มทุนของทีวีดี เอ็ม ดังนี้
- เข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) โดยจัดซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์จำนวน 25 เครื่อง จัดเตรียมระบบไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีมูลค่าการลงทุน ทั้งสิ้นไม่เกิน 25,000,000 บาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ โดยบริษัทฯจะทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์และคาดว่าจะสามารถทยอยซื้อได้ครบทั้งจำนวน 25 เครื่อง ภายใน ไตรมาส 3/65 โดยมีเงื่อนไขในการชำระเงินทั้งจำนวนตามจำนวนเครื่องที่ได้รับมอบและตรวจรับเรียบร้อยแล้ว
- เข้าลงทุนในธุรกิจประเภทคริปโทเคอร์เรนซี(เหรียญ KUB) เพื่อเป็น Node Validators โดยคาดว่าจะเริ่มภายในเดือนมิถุนายน 2565 ในวงเงินไม่เกิน 15,000,000 บาท และจะได้รับเหรียญ KUB จำนวน 125,000เหรียญ โดยมีเงื่อนไขไม่ให้บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด ทำการขายและ/หรือแลกเปลี่ยนเหรียญดังกล่าว เป็นระยะเวลาก่อนเดือนพฤษภาคม 66 เพื่อให้บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด ได้รับสถานะเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม Bitkub Chain แบบ PoSA บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด จะได้รับผลตอบแทนจากการเป็น Node Validator เป็นค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม โดยมูลค่าจะขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญ KUB ที่ถือและจำนวนครั้งของการทำธุรกรรมที่ได้ตรวจสอบ
ทั้งนี้ บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด จะเข้าร่วมเป็นพารท์เนอร์กับ Bitkub ในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node Validator) แบบ PoSA ในระบบการตรวจสอบธุรกรรมบล็อกเชน (Block chain) ของ Bitkub (Bitkub Chain) ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบยืนยันข้อมูลสำเนาการทำรายการธุรกรรมจากบัญชีธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub ที่ถูกกระจายไปยังเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์เซิฟเวอร์
- เข้าลงทุนในธุรกิจประเภทคริปโทเคอร์เรนซี่ เพื่อนำเหรียญดิจิทัลเป็นหลักประกันเพื่อแลกกับการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม Proof of Stake ในการสร้างหรือบันทึกข้อมูลธุรกรรมผ่าน Block Chain ได้รับค่าตอบแทนจากตรวจสอบและบันทึกธุรกรรมดังกล่าว โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนในไตรมาส 3 ในวงเงินไม่เกิน 15,000,000 บาท
ทั้งนี้ การเข้าดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ และการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ตรวจสอบธุรกรรมในแพลตฟอร์ม Bitkub Chain และ Proof of Stake เป็นการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ และระบบหลักที่เป็นพื้นฐานในการให้บริการทางการเงินในรูปแบบ Decentralized Finance (DeFi) ซึ่งเป็นบริการทางการเงินโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการควบคุม และทำงานบนเครือข่าย blockchain ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ใหม่ให้แก่บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด ในอนาคต และยังได้รับประโยชน์ในการศึกษาการทำแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับแพลตฟอร์มการให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนั้น ยังทำให้บริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด มีรายได้จากการมีเหรียญ KUB และเหรียญดิจิทัลสกุลอื่นเพิ่มขึ้นเป็นดอกผลจากการลงทุน และได้รับค่าธรรมเนียมจากการให้บริการเป็น Node Validator บนแพลตฟอร์ม Block Chainแม้ว่าจะไม่ได้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนในรูปแบบ trading activity ก็ตาม
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยของบริษัทฯ ขึ้นอีก 1 บริษัท เพื่อดำเนินธุรกิจการตลาดแบบตรง 3 ช่องทางหลัก คือ E-Commerce TV Shopping และ Call Center โดยมีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1,000,000 บาท
คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติและแต่งตั้ง นายอิทธิ ทองแตง นายวรสิทธิ์ ลีลาบรูณพงศ์และ นายอรรคกิตต์ ไม้เกตุ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ
และอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อและตราประทับของบริษัทฯ จากเดิม ชื่อชื่อภาษาไทย"บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด (มหาชน)" ชื่อภาษาอังกฤษ"TV Direct Public Company Limited" เป็น "บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)" ชื่อภาษาอังกฤษ "TVD Holdings Public Company Limited"
คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของ บริษัทฯ จำนวน 39,615,846.50 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 79,231,693 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท) จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,007,341,784 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 2,014,683,568 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท) เป็นทุนจดทะเบียน 967,725,937.50 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 1,935,451,875 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท) โดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้จำหน่าย และไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับการแปลงสภาพหลักทรัพย์ใดๆ
และอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยเพิ่มทุนจำนวน 256,730,000.50 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 513,460,001 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท) (คิดเป็นร้อยละ 29.99 ของทุนช ระแล้วของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2565) จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 967,725,937.50 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 1,935,451,875 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท) เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,224,455,938 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 2,448,911,876 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50บาท)
จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 513,460,001 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offering) ตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยจะออกและเสนอขายครั้งเดียวเต็มจำนวนหรือแต่บางส่วนก็ได้ และโดยเสนอขายในคราวเดียวกัน หรือเป็นคราว ๆ ไปก็ได้
การเพิ่มทุนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและรองรับการขยายธุรกิจและการลงทุนของบริษัทฯ ในอนาคต รวมถึงการได้มาซึ่งธุรกิจใหม่/ผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งทั้งในด้านโครงสร้างทางการเงินและสัดส่วนของหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ในระยะยาว ตลอดจนเพิ่มศักยภาพของ บริษัทฯ ในการระดม ทุนเพิ่มขึ้นทั้งจากการกู้ยืมเงิน หรือการระดมเงินจากตลาดตราสารหนี้ ซึ่งโครงการในอนาคตจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะส่งผลให้อัตราการทำกำไรของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น และจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว